นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในสะพานสำคัญที่เชื่อมโยงไทยและจีนเข้าหากันอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ โดยรัฐบาลไทยจะมุ่งยกระดับมาตรการอำนวยความสะดวก พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยวและนำเทคโนโลยีมายกระดับอย่างเข้มข้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงสนับสนุนการจัดทำสถานที่ท่องเที่ยวแบบ Man-Made Destination ประเภทใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการ "สวัสดี หนีห่าว" ในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเส้นทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันอย่างยั่งยืน เพื่อให้ความมั่นใจว่า ทุกย่างก้าวของนักท่องเที่ยวในไทย ทั้งชาวจีนและชาติอื่นๆ จะเต็มไปด้วยความสุข ความสบาย และความปลอดภัยอย่างแท้จริง
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ยั่งยืน และสร้างโอกาสให้กับทุกภาคส่วน โดยให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างสู่มาตรฐานและคุณภาพเหนือปริมาณ "Value over Volume" ซึ่ง "สวัสดี หนีห่าว" จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะยาว สร้างความเชื่อมั่น โอกาสทางธุรกิจ และส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ยังสะท้อนเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการปรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยในตลาดจีน รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรชาวจีน เพื่อร่วมกันสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวที่มีความหมายและยั่งยืนต่อไป
โครงการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ไทย-จีน "สวัสดี หนีห่าว" (Sawasdee Nihao) ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม-1 มิถุนายน 2568 มุ่งสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และเป็นมิตร เพื่อสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยนำตัวแทนบริษัทนำเที่ยว (Travel Agents) จำนวน 400 ราย สื่อมวลชน และ KOLs อีก 200 ราย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยว พร้อมจัดเวทีเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยกว่า 500 ราย เพื่อผลักดันการขายสู่ตลาดจีน คาดว่าจะสร้างการรับรู้กว่า 350 ล้านคน-ครั้ง และการเจรจาธุรกิจกว่า 5,000 นัดหมาย โดยพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าร่วมเปิดงาน และการกล่าวปาฐกถานโยบายด้านการท่องเที่ยว โดย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และปาฐกถานโยบายความพร้อมของกรุงเทพมหานครในการต้อนรับนักท่องเที่ยวและแคมเปญ Bangkok We are OK โดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ณ Centara Grand & Bangkok Convention Centre CentralWorld กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ "สวัสดี หนีห่าว" (Sawasdee Nihao)" ยังประกอบด้วย
กิจกรรม show case "5 Must Do in Thailand" โชว์เคสสุดยิ่งใหญ่ภายในงานฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน เปิดประสบการณ์ไทยครบมิติ ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจีนสู่การเดินทางอย่างยั่งยืน นำเสนอที่สุดแห่งประสบการณ์การท่องเที่ยวไทย 5 รูปแบบ ที่ชาวจีนไม่ควรพลาด ผ่านโชว์เคสที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน
กิจกรรม "5 Must Do in Thailand" มุ่งเน้นการสร้างภาพจำในการท่องเที่ยวของประเทศไทย ในฐานะจุดหมายปลายทางที่ผสมผสาน วัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อาหารผลไม้ ช้อปปิ้ง และนวัตกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยในงานครั้งนี้ ททท. ได้จำลองบรรยากาศ 5 โซนเด่นให้แขกผู้มีเกียรติและประชาชนทั่วไปได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ได้แก่:
- Must TASTE - ลิ้มรสชาติผลไม้แห่งประเทศไทย พร้อมการประยุกต์ใช้ผลไม้ในเมนูต่างๆ เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นเมนูยอดนิยมที่หาทานได้ง่าย ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน
- Must TRY - ท่องโลกกิจกรรมต้องลุย ผ่าน Surf Board simulator จำลองคลื่นทะเลไทยภาคใต้ และแหล่งท่องเที่ยว unseen ที่เป็นที่นิยมสำหรับนักเซิร์ฟทั่วโลก
- Must BUY - ไอเท็มอาร์ตๆ และไอเท็มท้องถิ่นที่ต้องลองสัมผัส และซื้อเป็นของฝาก เช่น ยาดมสมุนไพร แป้งเย็น ผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป สาหร่ายทอดกรอบ รวมถึงเสื้อผ้าแฟชั่นไทย และกางเกงช้างที่โด่งดังทั่วโลก
- Must SEEK - วิวสวยต้องลองค้นหา สัมผัสประสบการณ์ Golden moment ที่วัดอรุณราชวราราม จุดหมายปลายทางที่ต้องมาสัมผัสของนักท่องเที่ยวชาวจีนพร้อมถ่ายรูปคู่รถตุ๊กตุ๊กประดับดอกไม้สวยงาม และนักท่องเที่ยวทุกท่านจะได้ลิ้มรสรสชาติหอมหวานของไอศกรีมวัดอรุณอีกด้วย
- Must SEE - สัมผัสกิจกรรมหัตถกรรมไทย เช่น เพ้นท์พัด จากชุมชน เรียนรู้การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น การสัมผัสวิถีชุมชน และแคมเปญเที่ยวเมืองรอง
ทั้งนี้ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "สำหรับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เรามองว่า 'สินค้า' ด้านการท่องเที่ยวไม่ได้จำกัดแค่สถานที่ หรือกิจกรรมเท่านั้น แต่หมายถึง 'ประสบการณ์ร่วม' ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับจากเมืองไทย ซึ่งเรานำเสนอผ่านกรอบแนวคิด 5 Must Do in Thailand เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนและเข้าถึงใจนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นกลุ่มหลักของเรา"
"หัวใจของเราไม่ใช่แค่ประชาสัมพันธ์ 'การท่องเที่ยวประเทศไทย' แต่คือการสร้างความรู้สึก 'ผูกพันกับเมืองไทย' ผ่านสินค้าที่มีชีวิต มีวัฒนธรรม และมีความหมาย นักท่องเที่ยวที่ประทับใจ จะกลับมาอีกครั้ง และบอกเล่าต่ออย่างภาคภูมิใจ"
แม้ว่าสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะมีแนวโน้มลดลง โดยระหว่างวันที่ 1 มกราคม-27 พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 1,909,862 คน ททท.ยังคงวางแผนมาตรการเชิงรุก เดินหน้าบุกตลาดจีนอย่างเต็มที่ ทั้งการเร่งกระตุ้น Charter Flight ในหลายพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 ในปี 2568 โดยพื้นที่ที่มีการเติบโตของ Charter Flight สูงได้แก่ ปักกิ่ง (+26%) เซี่ยงไฮ้ (+117%) และเฉิงตู (+164%)
นอกจากนี้ยังเตรียมจัดโครงการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศไทยในประเทศจีนให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยและร่วมแชร์ประสบการณ์ผ่าน Social Media เพื่อสร้าง User Generated Content ในช่วงเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2568 เสริมสร้างความมั่นใจในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน พร้อมทั้งเตรียมจัดกิจกรรม Nihao Month อย่างยิ่งใหญ่ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ และวันชาติจีนในช่วง Golden Week เดือนตุลาคม ทั้งการจัด Mega Fam Trip กิจกรรมส่งเสริมการขาย Joint Promotion ร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ทางการท่องเที่ยว และร่วมกับพันธมิตรศูนย์การค้าและร้านอาหารมอบสิทธิพิเศษและโปรโมชันสินค้าและบริการต่าง ๆ รวมถึงการใช้ Celebrity Marketing ศิลปินที่มีชื่อเสียงดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ตลอดจนการทำงานของ 5 สำนักงาน ททท. ในพื้นที่ตลาดจีนที่มุ่งจัดกิจกรรมและโครงการเพื่อปรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย สร้างกระแสเชิงบวกเสริมความมั่นใจในการเดินทาง ขยายการรับรู้ในพื้นที่รองศักยภาพ กระตุ้นการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ อาทิ Young Traveler, Incentive & Family, Golf, Active Senior ทั้งในส่วนตลาด FIT และ Group Tour รวมถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย Joint Promotion ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจนำเที่ยว สายการบิน โรงแรมที่พัก คาดว่าจะเป็นแรงผลักดันตลาดนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสู่เป้าหมายในปี 2568
