นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP ผู้นำด้านโซลูชันผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทได้ประกาศจุดยืนและยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, Governance) อย่างชัดเจน พร้อมตั้งเป้าหมายที่มุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมั่นคงและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ด้วยการวางโรดแมป 5 ปี ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือการบรรลุ "Net Zero Emissions" ภายในปี 2593 สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลดผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ โดยการดำเนินการนี้บริษัทได้แบ่งแผนออกเป็น 3 ระยะหลัก ได้แก่ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งแต่ละระยะมีเป้าหมายและกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นเฉพาะด้าน เพื่อตอบสนองต่อการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติของธุรกิจ
ในระยะสั้น บริษัทได้ดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่สามารถวัดผลได้จริง ได้แก่ การติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) บนหลังคาอาคารโรงงาน เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้วยการใช้ทรัพยากรอย่าง ในปี 2567 PSP ตั้งเป้าหมายลดการใช้พลังงานลงได้กว่า 15% พร้อมทั้งวางแผนขยายการลงทุนในระบบอัตโนมัติ (Automation) และระบบบริหารซัพพลายเชนอัจฉริยะ (Smart Supply Chain) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดของเสีย และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในทุกขั้นตอน ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานสู่การเติบโตของธุรกิจสีเขียวในระยะยาว
ในระยะกลาง PSP ได้มุ่งเน้นการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นชีวภาพ (Biodegradable Lubricants) ที่ใช้วัตถุดิบจากพืชทดแทนน้ำมันพื้นฐานจากปิโตรเลียม เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ลดผลกระทบจากสารเคมีตกค้างสู่ธรรมชาติ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มองหาทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้น บริษัทคาดว่าจะสามารถนำผลิตภัณฑ์นี้เข้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ ในระยะยาว PSP ยังเตรียมขยายการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทรัพยากรที่นำกลับมาใช้ใหม่ หรือ Recyclable Resource และนวัตกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งซัพพลายเชน ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ระยะยาวสู่การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emissions อย่างยั่งยืนภายในปี 2593
ด้านสังคม PSP ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของทั้งพนักงานและชุมชนโดยรอบ ผ่านการดูแลสวัสดิการอย่างรอบด้าน ทั้งด้านสุขภาพ ความปลอดภัยในการทำงาน และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เช่น การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยี การพัฒนา Soft Skills และโครงการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ (Young Leadership Program) รวมถึงการส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมในที่ทำงาน ทั้งนี้ บริษัทยังจัดกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับชุมชนในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม หรือการพัฒนาเยาวชน เพื่อสร้างคุณค่าร่วมระหว่างองค์กรกับสังคม
ในด้านธรรมาภิบาล PSP มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดี (Good Governance) ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า พนักงาน หรือชุมชน ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า บริษัทได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2024: CGR) ระดับ 4 ดาว หรือ "ดีมาก" จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ด้วยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ PSP มีแผนยกระดับ CGR ให้สูงขึ้นในปีนี้ เพื่อตอกย้ำบทบาทขององค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากความมุ่งมั่นในระดับองค์กร PSP ยังมีบทบาทในระดับสากล โดยเข้าร่วมเวที Climate Action Forum (CAF) @ United Nations, Thailand ซึ่งเป็นเวทีระดมพลังความร่วมมือจากภาคเอกชนไทยและนานาชาติ ในการร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และPSP ยังได้เข้าร่วมโครงการ Sustainism Movement ซึ่งสนับสนุนโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (UN FAO) และ AFMA ในการยกระดับระบบอาหาร การเกษตร และความยั่งยืนของซัพพลายเชน ทั้งนี้ PSP ยังได้รับเชิญให้นำเสนอกรณีศึกษาและแนวทางการดำเนินธุรกิจยั่งยืนในเวทีสาธารณะ พร้อมรับประกาศนียบัตร Climate Action Leaders Recognition ถือเป็นอีกก้าวขององค์กรไทยในการแสดงจุดยืน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และได้รับความยกย่องด้านการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบนเวทีโลก
"PSP ไม่ได้มอง ESG เป็นเพียงเทรนด์หรือความรับผิดชอบเชิงสังคม แต่เราใช้ ESG เป็นแกนกลางในการสร้างกลยุทธ์องค์กรที่หลอมรวมเข้ากับการเติบโตทางธุรกิจ การดูแลพนักงาน และการมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน" นายเสกสรร กล่าวทิ้งท้าย
