FVC เคาะวันประชุม EGM ใหม่เป็น 18 ก.ค. 2568 ขอ ผถห.อนุมัติซื้อกิจการ WIE มูลค่า 370 ล้านบาท

บอร์ด บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) ไฟเขียวนัดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นใหม่เป็น 18 ก.ค. 2568 ขอมติซื้อกิจการบริษัท เวิลด์ อินดัสเทรียล เอสเตท จำกัด ("WIE") ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทนิคมอุตสาหกรรม มูลค่า 370 ล้านบาท พร้อมเพิ่มทุน 3,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รองรับแผนขยายธุรกิจ เสริมแกร่งฐานะทางการเงิน และเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานอย่างยั่งยืน

Friday 6 June 2025 09:49
FVC เคาะวันประชุม EGM ใหม่เป็น 18 ก.ค. 2568 ขอ ผถห.อนุมัติซื้อกิจการ WIE มูลค่า 370 ล้านบาท

ดร.วิจิตร เตชะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) "FVC" เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นใหม่เป็น วันที่ 18 ก.ค. 2568 เพื่อขออนุมัติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของบริษัท เวิลด์ อินดัสเทรียล เอสเตท จำกัด ("WIE") ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 1,700,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 100% ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว ในราคาซื้อขาย จำนวน 370 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2568

พร้อมทั้งขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการเพิ่มทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 1,500 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 282,571,479.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 1,782,571,479.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 3,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right offering) ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 5.3084 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท

โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับแผนขยายธุรกิจ เสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานอย่างยั่งยืน โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ มีแหล่งเงินทุนเพียงพอสำหรับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ลดภาระหนี้สิน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยแผนการใช้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้ 1. เป็นเงินลงทุนในการเข้าซื้อนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 370 ล้านบาท 2. เป็นเงินลงทุนในโครงการนิคม เช่น ระบบสาธารณูปโภค เฟสที่ 2 จำนวน 950 ล้านบาท และ 3. เงินทุนหมุนเวียนและการชำระหนี้สถาบันการเงินและหนี้สินที่มีภาระผูกพัน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่บริษัทฯ และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอีกจำนวน 180 ล้านบาท