วช. ร่วมกับ TEI และองค์กรภาคธุรกิจไทย เปิดเวทีแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศ สู่การยุติมลพิษพลาสติกตามสนธิสัญญาพลาสติกโลก

วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ด้วย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้จัดงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2025) ครั้งที่ 20 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนซันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิดหลักของการจัดงาน คือ "Research for all เชื่อมต่ออนาคตไทยด้วยวิจัยและนวัตกรรม"

Tuesday 17 June 2025 15:39
วช. ร่วมกับ TEI และองค์กรภาคธุรกิจไทย เปิดเวทีแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศ สู่การยุติมลพิษพลาสติกตามสนธิสัญญาพลาสติกโลก

โดยภายใต้งานดังกล่าว สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ สมาคมความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน ได้จัดงานเสวนา "การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทยกับสนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty)" ณ ห้อง World Ballroom ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงประชาชนผู้ที่สนใจได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานที่ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืนด้วยหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติเชิงพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อร่วมส่งเสริมการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty) เป็นมาตรการด้านมลพิษจากพลาสติก รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการกำกับให้ทุกประเทศมีการแก้ไขปัญหามลพิษพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรมอันจะเป็นกุญแจสำคัญสู่การยุติมลพิษพลาสติก

โดยภายในงานมี ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ในฐานะเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และนายกสมาคมความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืนกล่าวต้อนรับ และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

ช่วงการเสวนาเรื่อง "ความพร้อมของประเทศไทยกับสนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty)" มีการนำเสนอข้อมูลใน 2 หัวข้อ โดยในหัวข้อ "ปัญหาและนโยบายขยะพลาสติกและความพร้อมประเทศไทย" เป็นการนำเสนอเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านมลพิษจากพลาสติก รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล และ งานวิจัยที่ชี้บ่งปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาพลาสติกในสิ่งแวดล้อม

รศ.ดร.สัญญา สิริวิทยาปกรณ์ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
กล่าวว่า "ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2562 - 2567) มีงานวิจัยด้านปัญหาและแนวทางแก้ไขพลาสติกในสิ่งแวดล้อมกว่า
300 รายการที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งมากกว่าครึ่งเป็นงานวิจัยด้านสถานการณ์ เทคโนโลยี นโยบาย และเศรษฐกิจหมุนเวียน ผลวิจัยระบุว่าเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการจัดการพลาสติกอย่างยั่งยืน ได้แก่ วัสดุทางเลือก การย่อยสลายทางชีวภาพ การรีไซเคิลขั้นสูง และเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งนี้ การจัดการของเสียและน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ช่วยลดขยะพลาสติกและลดการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมได้ และไมโครพลาสติกจากพลาสติกทุกชนิด รวมทั้งจากพลาสติกชีวภาพ มีความเสี่ยงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ในด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน แม้ไทยมีศักยภาพและความริเริ่มทั้งในชุมชนและอุตสาหกรรม แต่ต้องเร่งขยายผลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ การใช้กลไก Carbon Credit และ Plastic Credit สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เติบโตเร็วขึ้นพร้อมกับการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พลิกวิกฤตพลาสติกเป็นโอกาสพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ"

ดร.ผานิต รัตสุข ผู้อำนวยการกองจัดการกากของเสียและสารอันตราย กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ยังคงเผชิญกับปัญหามลพิษพลาสติกรั่วไหลสู่ทะเลในระดับสูง จำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อรองรับสนธิสัญญาพลาสติกระดับโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยถือเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน ตั้งแต่ผู้ผลิตโพลีเมอร์ที่ต้องลงทุนในเทคโนโลยีพลาสติกหมุนเวียน ผู้ประกอบการที่ต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคที่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการใช้พลาสติก ไปจนถึงภาครัฐที่ต้องออกกฎระเบียบที่เข้มข้น พร้อมสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมการจัดการขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ สนธิสัญญาฉบับนี้ไม่เพียงเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมพลาสติก แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลาสติกยั่งยืนระดับโลก สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน อนุรักษ์ทรัพยากร และผลักดันการสร้างงานสีเขียวที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต"

และในหัวข้อ "การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับเชิงพื้นที่" เป็นการนำเสนอเกี่ยวกับความพร้อมของ อปท. ในการบริหารจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน และบทบาทภาคเอกชนในการเดินหน้าสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนของพลาสติกให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้ง ชุมชนต้นแบบด้านการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน

ดร.ภาณุวัฒน์ อ่อนเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานยุทธศาสตร์จัดการมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานครกล่าวว่า "การจัดการขยะของกรุงเทพมหานครขับเคลื่อนด้วยหลักการ 3R Reduce Reuse Recycle มุ่งเน้นการลดการใช้ทรัพยากร การหมุนเวียนใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อให้เป็นไปตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในการสงวน รักษาทรัพยากรเพื่อคนรุ่นต่อไปได้มีทรัพยากรที่เพียงพอในการสนองตอบการดำเนินการชีวิตขั้นพื้นฐาน โดยเน้นการลดและคัดแยกขยะที่ต้นทางเพื่อรวบรวมวัสดุที่สามารถนำมาเป็นวัตถุดิบการผลิตสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทั้งที่มีมูลค่าสูงและมูลค่าต่ำกลับเข้าสู่ระบบการผลิตใหม่ให้มากที่สุด ส่วนขยะที่เกิดขึ้นจะรวบรวมส่งเข้าระบบกำจัด ไม่ให้มีขยะตกค้าง และกำจัดด้วยเทคโนโลยีที่สามารถแปรรูปขยะเป็นพลังงาน หรือสารบำรุงดิน ลดขยะฝังกลบ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก"

นายวีระ ขวัญเลิศจิตต์ เลขาธิการสมาคมความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน กล่าวว่า "โครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติก และขยะอย่างยั่งยืน หรือ PPP Plastics ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2561 เพื่อขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุตามเป้าหมายหลักในการสนับสนุนการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะพลาสติก เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลไทยลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ภายใน พ.ศ. 2570 โดยปัจจุบัน PPP Plastics ได้รับการจดทะเบียนเป็นสมาคมความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน ที่ดำเนินงานควบคู่กับภาคีเครือข่ายเดิม ตามกรอบการดำเนินงานในการพัฒนานโยบาย สร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน จัดทำฐานข้อมูลและขับเคลื่อนนวัตกรรม รวมทั้งสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะอย่างยั่งยืน PPP Plastics ได้ต่อยอดและขยายผลความสำเร็จจากโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมา ร่วมกับการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อสร้าง Smart Recycling Hub ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนระบบการจัดการพลาสติกตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ที่ตอบรับกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะและพลาสติก นอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่าเพื่อส่งเสริมระบบการจัดการพลาสติกตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยมุ่งหวังเพื่อให้ประเทศไทยพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืน"

นายสายัณห์ รุ่งเรือง รองประธานวิสาหกิจชุมชนหมู่บ้านเอื้ออาทรระยอง (วังหว้า) กล่าวว่า "บ้านเอื้ออาทรระยองของเราได้ทำการเปิดธนาคารขยะมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบันก็รวมได้ 10 ปี โดยเรามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชนและประชาชนบริเวณรอบ ๆ ชุมชนรู้จักการแยกขยะแบบถูกวิธี และรู้จักการเพิ่มมูลค่าของขยะรีไซเคิลที่มีอยู่ในครัวเรือนรวมถึงที่เก็บมาจากภายนอก ให้รู้จักการมีส่วนร่วมในการลด แยกขยะ รู้ถึงการแยกขยะรีไซเคิลยังสามารถนำมาลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนอาจจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการเก็บแยก ให้รู้ตระหนักของภาวะของโลกเดือดในปัจจุบัน และเป็นการสร้างจิตสำนึกส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่น"

และท้ายสุด สมาคมความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน (PPP Plastics) ได้มีการแถลงเปิดตัวสมาคมฯ โดย ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ในฐานะนายกสมาคมความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน กล่าวว่า "สมาคมฯ มีความมุ่งมั่นในการร่วมแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกของประเทศไทยบนพื้นฐานของการจัดการขยะอย่างยั่งยืนตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติเชิงพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม และร่วมสร้างการบูรณาการความร่วมมือเพื่อสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circularity Ecosystem) สำหรับพลาสติกให้เกิดขึ้นได้จริงในประเทศ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนระบบการจัดการพลาสติกตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง พร้อมกับการตอบรับกับนโยบาย EPR เพื่อการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและตอบสนองต่อทิศทางนโยบายของประเทศตามมาตรการด้านมลพิษจากพลาสติก (Global Plastic Treaty) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การยุติมลพิษพลาสติก พร้อมทั้ง ได้ร่วมกับองค์กรสมาชิกสมาคมฯ ประกาศความร่วมมือ "Building Ecosystem for Plastic Circularity" เพื่อเป็นการแสดงออกถึงพลังความร่วมมือในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนและร่วมส่งเสริมการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม