สำหรับโครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการเกษตรน้อมนำแนวพระราชดำริมาปรับใช้ในพื้นที่บ้านหนองกระทิง ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 2 ปี (2567 - 2568) กลุ่มเป้าหมายเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 106 ราย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของโครงการ โดยมีกิจกรรมสำคัญ 4 กิจกรรม ได้แก่ 1) กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านการเกษตร รวมทั้งจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ เกษตรกรได้รับความรู้การทำน้ำพริกแปรรูป ขยายผลการผลิตและใช้ชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืชเพื่อการผลิตพืชผักอินทรีย์ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ พืชอาหารสัตว์และสาธิตการทำอาหารลดต้นทุน และการปรับปรุงบำรุงดิน 2) กิจกรรมการสนับสนุนปัจจัยการผลิต เกษตรกรได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี เมล็ดพันธุ์ผัก พันธุ์พืช เช่น มะนาว พืชสมุนไพร และพันธุ์สัตว์น้ำ เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน และกบ พันธุ์สัตว์ปีก เช่น พันธุ์เป็ดปากน้ำ และพันธุ์ไก่เขาหินซ้อน รวมถึงสารเร่ง พด. 1 และพด. 2 3) กิจกรรมการจัดทำแปลงเรียนรู้ ได้มีการจัดทำแปลงเรียนรู้จำนวน 20 ไร่/20 ราย ตามเป้าหมาย ได้แก่ แปลงเรียนรู้ส่งเสริมการเกษตรด้านการจัดการโรคและแมลงศัตรูพืชด้วยวิธีผสมผสาน และแปลงเรียนรู้สำหรับเกษตรกรต้นแบบด้านการจัดการโรคและแมลงศัตรูพืชด้วยวิธีผสมผสาน และ 4) สนับสนุนระบบคลองส่งน้ำ คำสงถึงสระประปาด้วยสถานีสูบน้ำ จำนวน 1 แห่ง มีการพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่ สำรวจและออกแบบ รวมถึงมีการเสนอของบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมด้านการขออนุญาตใช้พื้นที่ในการก่อสร้างในเขต สปก. และเขตทางหลวงชนบท
สศท.6 ติดตามผลสำเร็จของการดำเนินโครงการในรอบปีงบประมาณ 2567 โดยลงพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลจากเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 106 ราย หลังจากเข้าร่วมโครงการ 1 ปี พบว่า ภาพรวมของโครงการเกษตรกร มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด ซึ่งหากพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ มีรายได้จากการประกอบอาชีพการเกษตรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6,088 บาท/ครัวเรือน/ปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับปี 2566 (ก่อนเข้าร่วมโครงการ) โดยรายได้เพิ่มขึ้นจากการประกอบกิจกรรมการเกษตร อาทิ การแปรรูปน้ำพริก จำหน่ายพืชผลทางการเกษตร เช่น พืชผัก ปลา ไก่เขาหินซ้อน ไข่เป็ดปากน้ำ เป็นต้น และสามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนได้เฉลี่ย 4,358 บาท/ครัวเรือน/ปี หรือลดลงร้อยละ 32 จากการปรับเปลี่ยนมาบริโภคสินค้าเกษตรที่ผลิตได้ในครัวเรือน อาทิ พืชผักสวนครัว ไก่เขาหินซ้อน ไข่เป็ดปากน้ำ และปลา ส่วนค่าใช้จ่ายทางการเกษตร พบว่า เกษตรกรได้รับ การสนับสนุนปัจจัยการผลิต อาทิ พันธุ์สัตว์ เมล็ดพันธุ์ผัก พันธุ์พืช และการประยุกต์ความรู้ที่ได้รับจากการถ่ายทอดทำให้เกษตรกรมีค่าใช้จ่ายทางการเกษตรลดลงเฉลี่ย 5,545 บาท/ครัวเรือน/ปี หรือลดลง ร้อยละ 27 ด้านสังคม เกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการ ร้อยละ 98 มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมภายในพื้นที่โครงการ อาทิ การปลูกป่า การดูแลพื้นที่สาธารณะในหมู่บ้าน และเกษตรกร ร้อยละ 75 มีการรวมกลุ่มเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเกษตร เช่น ผลิตน้ำพริกแปรรูป
ด้านทรัพยากร เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการร้อยละ 84 เห็นว่าคุณภาพดินในพื้นที่เข้าร่วมโครงการดีขึ้น รองลงมา ร้อยละ 81
เห็นว่าจำนวนพันธุ์พืชในพื้นที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น และร้อยละ 72 เห็นว่าพันธุ์สัตว์น้ำในพื้นที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของความต่อเนื่องของการดำเนินกิจกรรมที่ได้รับการส่งเสริมภายใต้โครงการ พบว่า เกษตรกรทุกรายยังคงดำเนินการต่อเนื่องโดยนำความรู้และปัจจัยการผลิตมาใช้ในการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ในครัวเรือน และยังคงเข้าร่วมโครงการต่อไปด้านทรัพยากร
ทั้งนี้ สศท.6 ได้มีข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขี้น อาทิ ส่งเสริมด้านการตลาดและแหล่งวางจำหน่ายน้ำพริกแปรรูปเพิ่มขึ้น เพิ่มปริมาณการขยายปัจจัยการผลิตที่มีอยู่แล้ว และหน่วยงานควรคัดเลือกเกษตรกรในการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อนำความรู้ไปขยายผล รวมถึงควรมีการจัดทำแปลงเรียนรู้การเพาะปลูกข้าวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับปีงบประมาณ 2568 สศท.6 ได้มีการติดตามผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยมุ่งเน้นการติดตาม จำนวน 6 ด้าน 1) ด้านการนำไปใช้ประโยชน์ 2) ด้านประสิทธิภาพการผลิต 3) ด้านเศรษฐกิจ 4) ด้านสังคม 5) ด้านทรัพยากร และ 6) ด้านความต่อเนื่อง เพื่อติดตามผลได้จากการดำเนินงานด้านการฝึกอบรมว่ามีการนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติใช้ ความพึงพอใจของเกษตรกรต่อการถ่ายทอดความรู้/จัดทำแปลงเรียนรู้ของโครงการ และปัจจัยการผลิตที่ได้รับการสนับสนุน รวมทั้งวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค และเสนอข้อคิดเห็น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงานกิจกรรมการดำเนินการและการจัดฝึกอบรมให้ตรงตามความต้องการและแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป หากท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ สศท.6 โทร 0 3835 2435 หรืออีเมล [email protected]
