นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า จังหวัดสมุทรปราการ มีประชากรกว่า 1.3 ล้านคน และมีกำลังแรงงานที่ทำงานในจังหวัดสมุทรปราการกว่า 2.1 ล้านคน อีกทั้งยังมีสถานประกอบกิจการกว่า 28,000 แห่ง นับได้ว่าเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์รวมของอุตสาหกรรมที่หลากหลาย และกำลังแรงงานไว้เป็นจำนวนมาก การเตรียมความพร้อมให้แก่แรงงานไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญ และปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคมอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของตลาดแรงงานทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยเฉพาะการเข้ามาของระบบอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีดิจิทัล ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานเดิมไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้แรงงานจำนวนมากทั้งในภาคอุตสาหกรรมการผลิต บริการ และแรงงานทั่วไป ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการถูกลดบทบาทหรือถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี ส่งผลให้ทักษะเดิมที่แรงงานมีอยู่ไม่เพียงพอหรือไม่ตรงกับความต้องการของภาคธุรกิจ ทำให้เกิดช่องว่างของทักษะ และการว่างงานแฝงในกลุ่มแรงงานที่ยังสามารถทำงานได้แต่ขาดโอกาสในการเข้าถึงงานที่มีคุณภาพ การพัฒนาทักษะใหม่ให้กับกำลังแรงงานไทยจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต หรือที่เรียกว่า "Future Skills" อาทิ ทักษะดิจิทัล การคิดเชิงวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการเรียนรู้ตลอดชีวิต สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 1 สมุทรปราการ จึงได้จัดงาน Future Skills พัฒนาทักษะพลิกชีวิตกำลังแรงงาน ขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2568 ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 1 สมุทรปราการ
นายเดชา กล่าวต่อว่า ภายในงานมีการจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม ภาคการศึกษา 30 หน่วยงาน อาทิ หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ โรงเรียนภาษาทริซ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ หอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) มูลนิธิเพื่อการพัฒนาดิจิทัล สมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย สมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) เป็นต้น ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายเพื่อร่วมกันยกระดับทักษะและเพิ่มขีดความสามารถของกำลังแรงงาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและตลาดแรงงาน เป็นการวางรากฐานกลไกความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ทั้งด้านการจัดทำแผนปฏิบัติการและการติดตามผลการพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อมุ่งสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานและสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจในพื้นที่ อย่างมั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการมอบเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนจากกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานให้กับสถานประกอบกิจการจำนวน 45 บริษัท วงเงิน 1,634,808.80 (หนึ่งล้านหกแสนสามหมื่นสี่พันแปดร้อยแปดบาทแปดสิบสตางค์) การฝึกอบรมในสาขาที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน เช่น ช่างซ่อมยานยนต์ไฟฟ้า ช่างเชื่อมโลหะ FCAW 3G การใช้ Power BI และการควบคุมเครื่องจักร CNC การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ การประเมินความรู้ความสามารถ สาขา ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ซึ่งขณะนี้มีการลดค่าธรรมเนียมประเมินความรู้ความสามารถจากเดิม 1,000 บาท เป็น 100 บาท และการจัดแสดงบูทนิทรรศการกว่า 30 บูทอีกด้วย
