ปอร์เช่ (Porsche) และ เฟอร์รากาโม (Ferragamo) แบรนด์หรูสัญชาติอิตาลีที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทั้ง 2 แบรนด์ต่างเป็นที่รู้จักจากผลงานการออกแบบที่เหนือกาลเวลา ผลงานงานฝีมือที่มีรายละเอียดพิถีพิถัน และมีคุณภาพยอดเยี่ยม โดยทั้ง 2 แบรนด์ได้ร่วมมือกันเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของ Porsche Italia โดยเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นพิเศษ 2 รุ่น ซึ่งพัฒนาจากปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า 4 จีทีเอส (911 Carrera 4 GTS) และปอร์เช่ ไทคานน์ 4 เอส (Taycan 4S)
เพื่อให้สอดคล้องกับสไตล์ของแบรนด์แฟชั่น ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Porsche Exclusive Manufaktur ได้ปรับแต่งทั้งภายนอกและภายในของรถสปอร์ตทั้งสองรุ่นอย่างประณีต รายละเอียดที่โดดเด่นคือสีพิเศษ "Blusogno" ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากคอลเลกชันของเฟอร์รากาโม สีนี้ยังถูกนำมาใช้ภายในห้องโดยสาร ผสานกับลายไม้ Paldao สีฟ้า ถ่ายทอดความสง่างามได้อย่างประณีต รถรุ่นพิเศษนี้จะผลิตในจำนวนจำกัด และจำหน่ายเฉพาะในประเทศอิตาลีเท่านั้น
สตุ๊ทการ์ท ซัลวาทอร์เร่ เฟอร์รากาโม (Salvatore Ferragamo) และ เฟอร์รี่ ปอร์เช่ (Ferry Porsche) มีแรงบันดาลใจร่วมกัน ทั้ง 2 เป็นผู้บุกเบิกที่ทำตามความฝันของตนเองจนประสบความสำเร็จ และวางรากฐานให้กับแบรนด์ที่ยังคงเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน ซัลวาทอร์เร่ เฟอร์รากาโม สร้างชื่อเสียงในฮอลลีวูดจากการออกแบบรองเท้าสั่งทำพิเศษให้กับนักแสดง ก่อนจะกลับบ้านเกิดในปี 1927 และตั้งรกรากใกล้เมืองฟลอเรนซ์ ส่วนเฟอร์รี่ ปอร์เช่ ได้สานฝันในการสร้างรถสปอร์ตในปี 1948 ด้วยรุ่น 356 'No. 1' Roadster ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ปอร์เช่ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงมาจนถึงทุกวันนี้
ปิเอโตร อินโนเชนติ (Pietro Innocenti) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Porsche Italia กล่าวว่า "ความฝันของเรา คือการสร้างสิ่งที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนถึงจิตวิญญาณของปอร์เช่ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา โดยผสานสไตล์ของแบรนด์เข้ากับวัฒนธรรมและความงามแบบอิตาเลียน ทั้งในด้านงานฝีมืออันประณีต ความสง่างามเหนือกาลเวลา และความใส่ใจในทุกรายละเอียด การร่วมงานกับฟอร์รากาโม และทีมงานจาก Porsche Exclusive Manufaktur ที่ ซุฟเฟินเฮาเซน (Zuffenhausen) เราสามารถถ่ายทอดแนวคิดนี้ออกมาได้อย่างแท้จริง และสะท้อนตัวตนของทั้ง 2 แบรนด์ ซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราต่อไปในอนาคต"
ลีโอนาร์โด เฟอร์รากาโม (Leonardo Ferragamo) ประธานกรรมการของซัลวาทอร์เร่ เฟอร์รากาโม กล่าวว่า "เมื่อปอร์เช่เชิญเฟอร์รากาโมมาร่วมฉลองวาระครบรอบครั้งนี้ เราตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแปลงให้น้อยที่สุด และมุ่งเน้นรายละเอียดที่มีความประณีต เพราะปอร์เช่นั้นมีความสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ความร่วมมือครั้งนี้ต้องการสร้างพลังร่วมอย่างแท้จริงระหว่างสองแบรนด์ระดับตำนานที่มีคุณค่าร่วมกัน อาทิ การออกแบบ ความเป็นเลิศ งานฝีมือ และความกล้าหาญในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เราต้องการเล่าเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่อง 'ความฝัน' ซึ่งเป็นหัวใจของทั้ง 2 แบรนด์ พ่อของผม ซัลวาทอร์เร่ที่ได้รับฉายาว่าเป็น 'ช่างทำรองเท้าแห่งความฝัน (The Shoemaker of Dreams) และปอร์เช่เอง ก็ขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความฝัน (Driven by Dreams) เช่นกัน"
ความร่วมมือที่สะท้อนตัวตนของทั้ง 2 แบรนด์อย่างใกล้ชิด
แกรนท์ ลาร์สัน (Grant Larson) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบโครงการพิเศษของปอร์เช่ กล่าวว่า "ทั้งปอร์เช่ และเฟอร์รากาโม มีเอกลักษณ์ด้านดีไซน์ที่โดดเด่นและสง่างามเหนือกาลเวลา เรานำแนวคิดแบบมินิมอลและสไตล์ดั้งเดิมนี้มาใช้กับรุ่นพิเศษ '40 Anni Porsche Italia'
ซัลวาทอร์เร่ เฟอร์รากาโม เคยทดลองใช้วัสดุธรรมชาติที่แปลกใหม่หลากหลายชนิด สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เรากล้าลองอะไรใหม่ ๆ ในการออกแบบภายในรถ โดยเราเลือกใช้ไม้ Paldao ที่ย้อมเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรา และช่วยเสริมบุคลิกอันเรียบหรูของรถรุ่นพิเศษนี้ได้อย่างลงตัว"
ตลอดโครงการนี้ ทีมออกแบบของทั้ง 2 แบรนด์มีการแลกเปลี่ยนและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทีมของ เฟอร์รากาโม ได้เดินทางไปยังเมืองซุฟเฟินเฮาเซน ขณะที่ทีมจากปอร์เช่และ Porsche Italia ก็ได้ไปเยือนเมืองฟลอเรนซ์ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันพัฒนาเฉดสี Blusogno ให้สมบูรณ์แบบ ด้วยแรงบันดาลใจจากหนังและผ้าของกระเป๋าสะพายรุ่นไอคอนิกและแฟชั่นไอเท็มของ เฟอร์รากาโม
ภายนอก: สีตัวถัง Blusogno โดดเด่นด้วยเส้นสายสีขาวสุดประณีต
ภายใต้โปรแกรม Paint to Sample Plus ของปอร์เช่ ลูกค้าสามารถเลือกสร้างสีเฉพาะตัวสำหรับรถของตนได้ โดยสี Blusogno ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อรุ่นลิมิเต็ดนี้โดยเฉพาะ เส้นสายสีขาวบางเฉียบ หรือที่เรียกว่า "fine lines" ได้รับแรงบันดาลใจจากองค์ประกอบการออกแบบของเฟอร์รากาโม เส้นเหล่านี้ถูกตกแต่งบนฝากระโปรงหน้าและสปอยเลอร์หลัง โดยไล่ตามแนวลมผ่านตัวรถอย่างงดงาม สื่อถึงความหรูหราและความพลิ้วไหวอย่างลงตัว
เสา B ทั้งสองด้านประดับด้วยแผ่นโลหะที่สลักเลข "40" อย่างเด่นชัด พร้อมปี "1985" และ "2025" และคำว่า "Porsche" และ "Italia" เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 40 ปีของ Porsche Italia รายละเอียดทั้งหมดนี้ถูกยกนูนเล็กน้อยเพื่อให้สามารถสัมผัสได้จริงบนพื้นผิว
ล้อรถพ่นสี Blusogno และตกแต่งด้วยลายเส้นสีขาวที่เพ้นท์ด้วยมือ ฝาครอบดุมล้อก็ใช้สี Blusogno เช่นกัน ตัดกับตราปอร์เช่สีแดงอย่างมีมิติ ส่วนด้านท้ายของรถ ตราสัญลักษณ์รุ่นรถถูกเพ้นท์ด้วยมือในสีขาว พร้อมกรอบสี Blusogno ช่วยเติมเต็มความรู้สึกหรูหราและสมดุลให้กับดีไซน์โดยรวม
ภายใน: หนังสี Blusogno ผสานงานตกแต่งไม้ Paldao สีน้ำเงิน
สี Blusogno ยังถูกนำมาใช้ภายในห้องโดยสารอย่างโดดเด่น หนังและเส้นด้ายในเฉดสีพิเศษนี้ถูกพัฒนาขึ้นใหม่โดยเฉพาะสำหรับโปรเจกต์นี้ เบาะนั่งคู่หน้าและหลัง พวงมาลัยสปอร์ต GT รวมถึงรายละเอียดบริเวณคอนโซลกลางหุ้มด้วยหนังสี Blusogno เสริมด้วยเส้นขอบสี Pebble Grey และตำแหน่ง 12 นาฬิกาบนพวงมาลัยที่สอดรับกับโทนสว่างภายนอก ตัวซองใส่เอกสารรถและกระเป๋าใส่กุญแจรถยังผลิตจากหนังสี Blusogno เช่นกัน โดยในรุ่น 911 คันเกียร์ด้านข้างก็หุ้มด้วยหนังเฉดเดียวกัน ขณะที่เส้นตัดสีแดงในช่องเก็บของและบริเวณห้องเก็บสัมภาระช่วยเพิ่มมิติให้กับดีไซน์
แดชบอร์ดและคอนโซลกลางในรุ่น 911 รวมถึงกระจกมองข้างของไทคานน์ (Taycan) ใช้งานไม้ Paldao ที่ย้อมในโทนสี Blusogno เฉพาะตัว พื้นผิวไม้ขนาดใหญ่บนแผงประตูแบ่งออกเป็น 2 โทนสี ด้านบนเป็นสีน้ำเงิน ด้านล่างเป็นสีดำเรียบหรู สำหรับรุ่น 911 ยังมีแผ่นอะลูมิเนียมสลักโลโก้ "40 Anni Porsche Italia" ติดตั้งฝั่งผู้โดยสาร ขณะที่ไทคานน์ (Taycan) ติดตั้งโลโก้เดียวกันไว้ที่แผ่นป้ายบริเวณคอนโซลกลาง ขอบประตูด้านข้างทำจากอะลูมิเนียมสีดำขัดเงาประดับโลโก้เฟอร์รากาโมสีขาวเรืองแสง
นาฬิกา Sport Chrono บนกลางแดชบอร์ดได้รับการออกแบบพิเศษ ด้วยหน้าปัดที่แฝงลูกเล่นสีธงชาติอิตาลีอย่างละเมียดละไม โดยวงแหวนเป็นสีเขียว ขาว และแดง พร้อมเข็มวินาทีสีแดง
ด้านข้างของกุญแจรถพ่นด้วยสี Blusogno ชุดรุ่นพิเศษนี้ยังมาพร้อมผ้าคลุมรถแบบอินดอร์เฉพาะรุ่นในเฉดสีเดียวกัน พร้อมเส้นขอบสีขาว โดยมีโลโก้ของปอร์เช่ด้านหน้า และตัวอักษรเฟอร์รากาโมสีขาวด้านข้าง