นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2568 ยังคงชะลอตัวและเผชิญกับความท้าทาย คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรก โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการลงทุนในโครงการภาครัฐ ที่มีแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณผลักดันโครงการสำคัญ อาทิ รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และโครงการที่เกี่ยวข้องกับ EEC
ประกอบกับ ภาคเอกชนบางส่วนเริ่มกลับมาลงทุน โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง (High-Net-Worth Individuals) โครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อาทิ โครงการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีก โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ และพื้นที่สำนักงานให้เช่า ในทำเลย่านธุรกิจและย่านท่องเที่ยว ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง กำลังซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการพยุงตลาด โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในทำเลทองและพื้นที่ EEC ที่มีแนวโน้มเติบโต
แม้ตลาดอสังหาฯโดยรวมจะชะลอตัว SMART ยังคงเห็นโอกาสจากงานโครงการก่อสร้างในโครงการ EEC (โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) งานโครงการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน ที่ยังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง บริษัทวางแผนปรับตัวและดำเนินกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กร ในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 โดยให้ความสำคัญกับหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) และการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์รักษ์โลก "Green Products" อิฐมวลเบาโลวคาร์บอน ที่ตอบโจทย์ ด้านดีไซน์ประหยัดพลังงาน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ พร้อมกับการ บริหารจัดการต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลงทุนในระบบสายการผลิตอัตโนมัติและระบบ ERP ครอบคลุมตั้งแต่การจัดซื้อ การผลิต ไปจนถึงการจัดส่งสินค้า เพิ่มความแม่นยำและลดต้นทุนต่อหน่วย เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร คาดเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 4/2568
บริษัทยังเร่งขยายช่องทางการจำหน่าย โดยเพิ่มตัวแทนจำหน่าย ดีลเลอร์ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และช่องทางโมเดิร์นเทรด ไทวัสดุ ดูโฮม โกลบอลเฮ้าส์ ให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึง มุ่งเน้นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์อย่างเข้มข้น ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้แก่ Facebook, Instagram, TikTok เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง
อีกทั้ง เดินหน้าเชิงรุกให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐาน Green Product และคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาแก่กลุ่มลูกค้างานภาครัฐ งานนิคมอุตสาหกรรม และโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ แนวสูง ในพื้นที่ภาคตะวันออก กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งมีความต้องการวัสดุก่อสร้างมาตรฐานสูง เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น พร้อมกับการรักษาฐานลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนปริมาณงานภาครัฐอยู่ที่ 20 % และงานภาคเอกชน 80 %
"เรายังคงเดินหน้าด้วยความรอบคอบและไม่ประมาท แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก มั่นใจว่ากลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและแผนงานที่ชัดเจน จะสามารถสร้างการเติบโต" นายรังสี กล่าว
