เจแอลแอล เปิดให้บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อดัม สตาร์ค ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ เตรียมนำทีมขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอบสนองความต้องการบริการด้านอาคารอัจฉริยะที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Thursday 17 July 2025 13:39
เจแอลแอล เปิดให้บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เจแอลแอล (NYSE: JLL) บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกด้านอสังหาริมทรัพย์และการบริหารการลงทุน ประกาศเปิดให้บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรองรับความต้องการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับบริการให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับอาคารอัจฉริยะในภูมิภาค

บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของเจแอลแอล ที่ขยายไปสู่ระดับภูมิภาคในครั้งนี้นำทีมโดย นายอดัม สตาร์ค หัวหน้าหน่วยธุรกิจบริการด้านระบบอาคารอัจฉริยะและการจัดการประสิทธิภาพสินทรัพย์ของเจแอลแอล ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยได้ย้ายมาประจำการที่กรุงเทพฯ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามความต้องการในภูมิภาคที่กำลังขยายตัว

บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของเจแอลแอล (JLL Technology Advisory) เป็นบริการให้คำปรึกษาเฉพาะทางที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ นำเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้ในการแก้ปัญหาที่ท้าทายและซับซ้อนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนไปสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ บริการดังกล่าวยังได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือสนับสนุนแก่บริษัทผู้พัฒนาโครงการและนักลงทุน ที่กำลังอยู่ระหว่างการออกแบบและพัฒนาเมืองอัจฉริยะและอาคารอัจฉริยะอีกด้วย

นายไมเคิล แกลนซี่ กรรมการผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเจแอลแอล กล่าวว่า "เทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะได้เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นเพียงตัวเลือกในการเพิ่มประสิทธิภาพของอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ ทั้งนี้ในขณะที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีพัฒนาการมากขึ้นและกลายเป็นภาคธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ความสามารถของเราในการเปลี่ยนนวัตกรรมระดับโลกมาเป็นบริการความช่วยเหลือที่ดำเนินการได้จริงและให้ผลลัพธ์สูง จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าของเราทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคนี้ ที่ต้องการพัฒนาให้สินทรัพย์ของตนสามารถรองรับอนาคต และประเมินประสิทธิภาพด้วยหลากหลายวิธีที่สามารถวัดผลได้"

นายอดัม มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในวงการอาคารอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยสร้างเสริมจุดแข็งให้กับบริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของ เจแอลแอล ในประเทศไทย ตัวอย่างผลงานที่ผ่านมาของนายอดัม ได้แก่ การพัฒนากลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีให้กับ 101 Collins Street ที่นครเมลเบิร์น หนึ่งในอาคารแรกๆ ในออสเตรเลียที่ได้รับการรองมาตรฐาน SmartScore ระดับแพลทตินัม และการให้บริการที่ปรึกษาแก่โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่น อาทิ Merdeka 118 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และ One Bangkok ที่ประเทศไทย

"ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล" นายอดัม กล่าว "บริการที่ปรึกษาที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นของเจแอลแอลจะช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินการเปลี่ยนผ่านได้อย่างมั่นใจ ด้วยการเลือกใช้เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านประสิทธิภาพของสินทรัพย์ และยกระดับความสามารถในการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้อาคาร"

บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีจากเจแอลแอล นี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายในปัจจุบัน อาทิ ระบบข้อมูลที่ไม่เชื่อมโยงกัน ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น เป้าหมายด้านความยั่งยืน และความคาดหวังของผู้เช่าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเปิดตัวบริการในประเทศไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าของอาคาร ผู้พัฒนาโครงการ รวมถึงผู้เช่า-ใช้อาคาร ที่ต้องการโซลูชั่นด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

บริการใหม่นี้ได้รับการขับเคลื่อนโดยทีมงานที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนักวางกลยุทธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล ที่จะร่วมกันส่งมอบโซลูชั่นที่ออกแบบเฉพาะตามความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยให้คำแนะนำแบบครบวงจรเกี่ยวกับการวางกลยุทธ์อาคารอัจฉริยะตั้งแต่การออกแบบและการเชื่อมต่อระบบต่างๆเข้าด้วยกันไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการยกระดับประสบการณ์ของผู้เช่า

เจแอลแอล มีจุดแข็งเฉพาะตัวในการผสานองค์ความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกเข้ากับบริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี ช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและมีข้อมูลรองรับพร้อมรับโซลูชันที่สร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ด้วยแนวทางที่เชื่อมต่อแบบครบวงจรนี้ ลูกค้าจะได้รับประโยชน์ในทุกมิติของความต้องการด้านเทคโนโลยี พร้อมทั้งสามารถวัดผลและพิสูจน์ความคุ้มค่าของการลงทุนได้อย่างชัดเจน