โดยการปลูกป่าใช้กล้าไม้ผสมเชื้อเห็ดไมคอร์ไรซาซึ่งเกาะอยู่ที่รากกล้าไม้ เมื่อต้นไม้เจริญเติบโตขึ้นจะมีเห็ดกินได้เจริญเติบโตออกมาจากรากกล้าไม้ ได้แก่ เห็ดตะไคล เห็ดระโงก และเห็ดตับเต่า ซึ่งเป็นองค์ความรู้จากผลงานวิจัยที่ วว. ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก วช. และมีการถ่ายทอดองค์ความรู้มายังหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ศูนย์เพาะชำกล้าไม้นครราชสีมา และศูนย์วนวัฒนวิจัยที่ 6 กรมป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมทั้งมูลนิธิผืนป่าในใจเรา นับเป็นตัวอย่างการบูรณาการนำผลการวิจัยต่อยอดให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยผ่านการอบรมการผลิตกล้าไม้และเชื้อเห็ดไมคอร์ไรซาในระดับชุมชนกว่า 70 ราย และขยายผลสู่กิจกรรมปลูกป่าในครั้งนี้ด้วยกล้าไม้ฯ จำนวน 5,000 ต้น
ถือเป็นการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมไปสู่การใช้จริงที่สามารถผลิตได้ด้วยอุปกรณ์ในครัวเรือน และเกิดประโยชน์ทั้งด้านอาชีพ รายได้ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว และการฟื้นฟูระบบนิเวศ การดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการนำองค์ความรู้จากงานวิจัย ไปสู่การใช้ประโยชน์ในระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นภาพสะท้อนการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular Green Economy) ที่กระทรวง อว. ให้ความสำคัญ โดยนำงานวิจัยและนวัตกรรมมาสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ พร้อมกับอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้ รมว.อว. ได้มอบเครื่องหมักปุ๋ยและงานวิจัยจากการสนับสนุนโดย วช. ให้กับผู้แทนชุมชนและเกษตรกร รวมทั้งเยี่ยมชมการดำเนินงานของสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร วว. ด้วย