นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือSKIN ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามแบรนด์ไทยที่เข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ Skinsista ที่ออกสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม E-commerce (Shopee, Lazada, TikTok Shop) และช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) อาทิ 7-11, Watsons, EVEANDBOY และ NINE BEAUTY by CJ More
กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับกระแสตอบรับดีจากผู้บริโภค ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Natural Retinol Moisturizer กับนวัตกรรมเรตินอลที่ไม่แพ้ ไม่ก่อการระคายเคือง มียอดขายรวมหลายหมื่นชิ้นแม้เพิ่งเปิดตัวในปีนี้และจัดจำหน่ายแบบจำกัดช่องทางในช่วงต้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Makeup Care ที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2567 คือ Dream Light Foundation Powder แป้งบำรุงผิวสูตรผสมรองพื้น ช่วยลดสิว ปกปิด เบาสบายผิว สามารถใช้ได้ในทุกเพศ ทุกวัย ที่ได้รับกระแสนิยมจนขาดตลาด มียอดขายแตะ 30,000 ตลับ แม้จะจำหน่ายในช่องทางE-commerce อย่างเดียว นอกจากนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดดของ Skinsista มียอดขายมากกว่า 1 ล้าน 5 แสนชิ้น ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ SKIN มุ่งศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบรับเทรนด์ความงามในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรอ่อนโยน ปลอดภัย ตอบโจทย์ผิวในชีวิตประจำวัน และตอบโจทย์ปัญหาผิวเฉพาะทางได้อย่างตรงจุด ในราคาที่คุ้มค่า ทำให้ Skinsista เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคที่เลือกใช้ครีมซอง
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง Skinsista มีแผนแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 10 SKUs เพื่อความหลากหลาย และต่อยอดความนิยม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Makeup Care ที่ตอบโจทย์การแต่งหน้าพร้อมการดูแลผิวในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ และคุณค่าจากผลิตภัณฑ์สูงสุด
ขณะที่กลยุทธ์การตลาด SKIN มุ่งเน้นการใช้ Influencer และ KOL ที่มีประสบการณ์ใช้งานจริง และมีชื่อเสียง อาทิ ปุ๊กลุก ฝนทิพย์, ดาว ณัฐภัสสร และลิลลี่ ภัณฑิลา ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี และมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายรูปแบบออฟไลน์มากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตของแบรนด์ทั้งรูปแบบซอง และ Full Pax Size รองรับกลุ่มผู้บริโภคที่ทดลองใช้ครีมซองแล้วติดใจในคุณภาพของแบรนด์ รวมถึง Project Exclusive ร่วมกับคู่ค้าต่างๆ ในอนาคตอีกด้วย
"การที่แบรนด์ Skinsista ได้รับกระแสตอบรับที่ดีทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความปลอดภัย และการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจผิวอย่างตรงจุด ซึ่งเป็นจุดแข็งที่SKIN มุ่งมั่นพัฒนาอยู่เสมอ สอดคล้องกับการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งการแตกไลน์สู่ Makeup Care เกิดจากการมองเห็นศักยภาพในตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง และยังสามารถเติบโตได้อีกมากในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการเครื่องสำอางที่ไม่ทำร้ายผิว พร้อมกับบำรุงผิวไปในตัว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทเดินหน้ารุกตลาด เนื่องจากเรามีความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่เป็นอย่างดี และเชื่อว่าแบรนด์ Skinsista จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง" นายชาญวิทย์ กล่าว