ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานการจัดการศึกษาในหลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ โดยปัจจุบันมีข้อเสนอการจัดการศึกษาที่คณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่องฯ อนุมัติ จำนวน 19 ข้อเสนอตั้งเป้าผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงกว่า 26,045 คน และมีหลักสูตรที่เริ่มจัดการศึกษา และเข้าสู่การติดตามประเมินผลแล้ว 16 ข้อเสนอ มีนักศึกษาเข้าเรียน รวม 2,077 คน นอกจากนี้ ในส่วนของการพัฒนาหลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ ด้านวิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ในรูปแบบ Top-down Approach ของกระทรวง อว. มีมหาวิทยาลัยที่เปิดหลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ในปี 2568 จำนวน 5 แห่ง ผู้เข้าเรียนรวม 161 คน โดย ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงความจำเป็นของการเร่งผลิตกำลังคนวิจัยในระดับปริญญาโท-เอก เข้าสู่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อสร้างองค์ความรู้และสมรรถนะที่เพียงพอสำหรับขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศ และเนื่องจากอุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องมีการนำผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมจัดการศึกษาด้วย
ข้อมูลการประเมินโดยคณะกรรมการผู้ประเมินผลอิสระจาก 8 หลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ พบว่ามีนวัตกรรมการอุดมศึกษาสำคัญที่เกิดขึ้นคือ การจัดหลักสูตรที่มุ่งเน้นสมรรถนะ การจัดการศึกษาร่วมกับภาคีผู้ใช้บัณฑิตอย่างเข้มข้น การบริหารจัดการศึกษาโดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน การจัดการศึกษาทั่วไป (GE) รูปแบบใหม่ และการใช้เทคโนโลยี รวมถึงระบบบริหารจัดการ/กลไกสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษา อีกทั้งยังมีข้อเสนอแนะในการจัดหลักสูตรเพิ่มเติม ได้แก่ การปรับระบบการคัดเลือกนักศึกษา (Feeder) และการประชาสัมพันธ์ การสนับสนุนทรัพยากรโดยเฉพาะงบประมาณบริหารจัดการหลักสูตรแบบใหม่ ควรมีกลไกสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับภาคีภายนอกอย่างเป็นระบบ พัฒนาระบบข้อมูลและการประเมินผลที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของหลักสูตร และควรมีกลไกเฉพาะในการบริหารจัดการภาระงานอาจารย์และการเตรียมบุคลากรสนับสนุนที่เพียงพอด้วย
นอกจากนี้ ยังได้มีการนำเสนอตัวอย่างนวัตกรรมการจัดการศึกษาภายใต้หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย รศ.ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่ามีนวัตกรรมการจัดการศึกษาที่เกิดขึ้นภายใต้หลักสูตรนี้คือ การเรียนแบบ Block course เรียนวิชาเฉพาะทางและการฝึกงานตั้งแต่ชั้นปี 1 ทำให้นิสิตได้เรียนรู้จากการทำงานจริง ได้ทราบข้อจำกัด สิ่งที่ถนัด นำมาต่อยอดการเรียนในชั้นปีต่อไปได้ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 200 แห่ง เข้ามามีส่วนร่วมในเชิงลึก มาจัดกิจกรรมและเปิดวิชาเลือกให้นิสิตจำนวนมาก ทำให้นิสิตได้เรียนรู้ศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ในงานจริง เกิดความสัมพันธ์ระหว่างนิสิตและบริษัท นำไปสู่การฝึกงานและทำงานต่อไป โดยจากการประเมินผลการฝึกงานของนิสิตปี 1 พบว่า นิสิต 80% ทำงานได้ดีกว่าหรือเทียบเท่ากับนิสิต/นักศึกษา ที่ฝึกงานในปี 3 ในหลักสูตรปกติ ทั้งนี้ ภายหลังการนำเสนอ นางสาวสุดาวรรณ ได้ชื่นชมการดำเนินงานของหลักสูตรดังกล่าว ที่สามารถผลิตบัณฑิตได้ตรงความต้องการของภาคอุตสาหกรรม จนทำให้เกิดการเติบโตของจำนวนบริษัทที่เข้ามาทำความร่วมมือในการผลิตบัณฑิตในหลักสูตร โดยได้ส่งเสริมให้เกิดการขยายผลการดำเนินงานต่อไปด้วย
ด้าน ดร.พรเพ็ญ แซ่อึ้ง ผู้เชี่ยวชาญนโยบายอาวุโส ฝ่ายนโยบายกำลังคนตามความต้องการของประเทศ สอวช. ได้กล่าวถึงรายละเอียดข้อเสนอการจัดการศึกษาฯ ที่ผ่านการอนุมัติในครั้งนี้ทั้ง 5 ข้อเสนอ ได้แก่
1) ข้อเสนอการจัดการศึกษาฉบับสมบูรณ์ หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต และหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการออกแบบไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาอีก 12 แห่ง หลักสูตรนี้มีจุดเด่นคือจัดการเรียนการสอนโดยเครือข่ายมหาวิทยาลัย 13 แห่ง และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ โครงสร้างพื้นฐาน และสามารถเรียนข้ามสถาบันได้ ใช้เป็นหลักสูตรกลางและอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรร่วมกันจากเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อให้มีผลลัพธ์การเรียนรู้เช่นเดียวกัน โดยมีภาคอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารหลักสูตรเพื่อให้บัณฑิตตอบโจทย์ตลาดงานอย่างแท้จริง ตั้งเป้าผลิตวิศวกรออกแบบไมโครอิเล็กทรอนิกส์เพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม 75 คน
2) ข้อเสนอการจัดการศึกษาฉบับสมบูรณ์ หลักสูตรวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต และหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการข้อมูลเชิงพื้นที่ ภายใต้การดำเนินงานของวิทยสถานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ธัชวิทย์) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและสร้างนวัตกรรม (บพค.) และมหาวิทยาลัยพะเยา (มพ.) หลักสูตรนี้มีจุดเด่นคือการพัฒนากำลังคนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเฉพาะทาง โดยความร่วมมือของสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย เอกชน และธัชวิทย์ มีเครือข่ายความร่วมมือด้านวิทยาการข้อมูลเชิงพื้นที่ระดับชาติ ได้แก่ GISTDA และ สสน. นำโจทย์จริงในพื้นที่มาใช้ในการออกแบบและพัฒนา Frontier Research รองรับการเข้าทำงานของบัณฑิตหลังสำเร็จการศึกษา ตั้งเป้าผลิตนักวิทยาการข้อมูลเชิงพื้นที่ ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม 50 คน
3) ข้อเสนอการจัดการศึกษาฉบับสมบูรณ์ หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต และหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมและเทคโนโลยีระบบราง ภายใต้การดำเนินงานของ ธัชวิทย์ บพค. และ มพ. หลักสูตรนี้มีจุดเด่นคือการพัฒนากำลังคนทักษะสูงด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีระบบราง โดยหน่วยงานเครือข่ายความร่วมมือที่เชี่ยวชาญด้านระบบราง ทั้งสถาบันวิจัยภาครัฐ ได้แก่ สวทช. วว. สทร. ผู้ใช้บัณฑิตภาครัฐ ได้แก่ รฟท. และภาคเอกชน อาทิ ช.การช่าง ซิโนไทย และอิตา-เลียนไทย นำโจทย์จริงมาพัฒนางานวิจัยระบบราง และจัดการศึกษาแบบ Co-curriculum Co-teaching Co-certificate และ Research-based รวมถึงการรองรับการเข้าทำงานของบัณฑิตหลังสำเร็จการศึกษา ตั้งเป้าผลิตวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีระบบราง ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม 100 คน
4) ข้อเสนอการจัดการศึกษาฉบับสมบูรณ์ หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต Sandbox 4+2 ปี หลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2568 มหาวิทยาลัยบูรพา หลักสูตรนี้มีจุดเด่นคือได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพเภสัชกรรมในการปรับโครงสร้างหลักสูตรใหม่ให้บัณฑิตพร้อมปฏิบัติงานได้ทันที จัดการศึกษาในรูปแบบ Work-based learning เพิ่มเวลาฝึกปฏิบัติวิชาชีพเป็น 2 ปี ลดเวลาเรียนเหลือ 4 ปี โดยเรียนแบบ Block Course ลดรายวิชาซ้ำซ้อนและวิชาพื้นฐาน เพื่อให้บัณฑิตมีประสบการณ์ด้านวิชาชีพในเชิงลึกมากขึ้น จัดการศึกษาในรูปแบบ Co-creation ร่วมกับสถาบันร่วมผลิตที่หลากหลาย ครอบคลุม โรงพยาบาล ร้านยา และโรงงานยา และการศึกษาตามความต้องการแบบเฉพาะราย (Customization) ตั้งเป้าผลิตเภสัชกรที่มีประสบการณ์วิชาชีพเชิงลึกพร้อมปฏิบัติงานได้ทันที รวม 120 คน
5) ข้อเสนอการจัดการศึกษาฉบับสมบูรณ์ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ในระบบสุขภาพ (หลักสูตรสหสาขาวิชา) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรนี้มีจุดเด่นคือจัดการศึกษาโดยเครือข่ายภาคผู้ใช้บัณฑิต (Demand Consortium) ร่วมออกแบบหลักสูตรเพื่อปิดช่องว่าง Demand-Supply จัดการศึกษาในรูปแบบ Co-creation ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ Capstone Project ใช้โจทย์จริงจากโรงพยาบาล หลังเรียนจบสามารถนำชิ้นงานไปใช้จริงในโรงพยาบาลได้ทันที เน้นสร้างสมรรถนะปลายทางให้นิสิตทั้ง Technical & Soft skills ตั้งเป้าผลิตบัณฑิตระดับปริญญาโท ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในระบบสุขภาพดิจิทัล รวม 230 คน
