กรมส่งเสริมการเกษตรเล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพของผลผลิตมะลิในระยะยาว และสอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน จึงได้ดำเนิน "โครงการทดสอบและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตมะลิ" มาอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของดอกมะลิให้สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ตลอดจนลดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะเชื้อราและหนอนเจาะดอก เน้นการใช้วิธีการผสมผสาน ตัดแต่งกิ่งรูปทรงสี่เหลี่ยมด้านเท่า เพื่อกระตุ้นให้มะลิออกดอก ได้รับแสงและสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี ส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์ ซึ่งมีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ตกค้างในดินและน้ำ และสามารถใช้ร่วมกับระบบเกษตรยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต พัฒนาคุณภาพสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของตลาด ผู้บริโภคปลายทางสามารถเข้าถึงดอกมะลิคุณภาพดีได้ในราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรยังมีแนวทางการทดสอบและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตสินค้าเกษตรกับพืชชนิดอื่น ๆ เพื่อสร้างโอกาส สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไปด้วย
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการผลิตดอกมะลิในช่วงเทศกาลสำคัญนั้น จากข้อมูลปี 2567/2568 พบว่า ราคาดอกมะลิมีความผันผวนตามฤดูกาล โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 500 - 1,000 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตน้อย ส่วนในช่วงเดือนมีนาคม - กรกฎาคมและเดือนกันยายน - ตุลาคม เฉลี่ยอยู่ที่ 200 - 500 บาท/กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี2566/2567 ราคาเฉลี่ยในช่วงเดือนดังกล่าวต่ำลง คิดเป็นร้อยละ 26.32 คาดว่าในช่วงเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นเทศกาลวันแม่แห่งชาติ ราคาดอกมะลิจะปรับตัวสูงขึ้นช่วงระยะสั้น เนื่องจากความต้องการของตลาดเพิ่มสูงกว่าปกติ เพื่อให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นธรรมและผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลผลิตทางการเกษตรได้ในราคาที่เหมาะสม กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึง การเชื่อมโยงตลาดระหว่างแหล่งผลิตกับตลาดกลางและตลาดต่างจังหวัด เพื่อปรับสมดุลของราคา โดยเกษตรกรผู้ปลูกมะลิมีช่องทางการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ตลาดชุมชนหรือจุดจำหน่ายเฉพาะในบางพื้นที่ ตลาดประจำจังหวัด ตลาดสี่มุมเมือง และปากคลองตลาด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกระจายดอกไม้จากแหล่งผลิตไปยังผู้บริโภคและเป็นศูนย์กลางการกระจายดอกไม้ในช่วงเทศกาลสำคัญ ประกอบกับการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายของเกษตรกรนี้ เพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคมีทางเลือกเข้าถึงผลผลิตทางการเกษตรได้หลากหลายช่องทางในราคาที่เหมาะสม
