นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ - ภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เปิดเผยว่า ธุรกิจเสริมอาหารของไทยเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย โดยโอกาสใหม่ทางการตลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะมูลค่าตลาดเสริมอาหารทั่วโลก และตลาดภูมิภาคเอเชียที่มีแนวโน้มขยายตัวทุกปีจากปัจจัยผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพและดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากกว่าการรักษา อย่างไรก็ดี ตลาดเสริมอาหารในไทยยังต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากผู้ผลิตและแบรนด์ในต่างประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการรายใหม่ในประเทศ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของต้นทุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่สำคัญของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก
จัดเต็ม 1,500 แบรนด์ จาก 70 ประเทศทั่วโลก
นางสาวรุ้งเพชร กล่าวว่า ทั้งสองงานเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ตอบโจทย์กระแส Functional Foods & Beverages, Future Foods และ Nutraceuticals ที่กำลังมาแรงและเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดเอเชียและระดับโลก โดยเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญมากกว่า 1,500 แบรนด์ จาก 70 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจส่วนผสมอาหารและสุขภาพ ตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์และบริการครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ทุกเทรนด์ที่กำลังเติบโตในตลาดเอเชียและตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็น Functional Foods & Beverages, Future Foods และ Nutraceuticals คาดว่าจะมีผู้ร่วมชมงาน 36,000 ราย
ไฮไลต์กิจกรรมที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมส่วนผสมอาหารและสุขภาพ
- Main Stage: สัมมนาวิชาการกว่า 120 หัวข้อ ครอบคลุมประเด็นสำคัญ อาทิ Personalized Nutrition, Ingredient Trends, Rules & Regulations และโอกาสธุรกิจในอาเซียน
- New Ingredients & New Products Zone: เปิดตัวนวัตกรรมและส่วนผสมใหม่ ๆ ที่ทั่วโลกจับตามอง
- The Sensory Box: เวิร์กช็อปวิเคราะห์ประสาทสัมผัส รสชาติ กลิ่น เนื้อสัมผัส ของอาหารและเครื่องดื่ม
- A to C (Academic to Commercial): ส่วนแสดงงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำ เพื่อโอกาสในการต่อยอดเชิงพาณิชย์
- Innovation Tours: ทัวร์ชมนวัตกรรมภายในงานเพื่อให้ผู้ประกอบการค้นหาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่ตรงความต้องการ โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Nutrimarketing
- Business Matching: สร้างเครือข่ายธุรกิจจับคู่ผู้ซื้อ-ผู้ขาย ด้วยระบบเอไอ
ขับเคลื่อน 3 ด้าน ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลาง Health & Wellness Hub
ทั้งนี้ เพื่อการเข้าถึงศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจ พร้อมทั้งการลดข้อจำกัดของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเสริมอาหารของไทยนั้น อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ มีแนวคิดนำ 2 งานใหญ่ระดับภูมิภาคเอเชียมารวมไว้ด้วยกันในที่เดียว คืองาน "ฟู้ด อินกรีเดียนท์ส เอเชีย 2025" (Food ingredients Asia 2025) หรือ Fi Asia 2025 และ "ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025" (Vitafoods Asia 2025) โดยมีความตั้งใจที่จะผลักดันให้เกิด 3 เรื่องที่สำคัญขึ้นในประเทศไทย
- 1.สร้างโอกาสผู้ประกอบการไทยได้เข้าถึงเทคโนโลยีและส่วนผสมใหม่ ๆ เช่น โปรตีนทางเลือกจากพืชและจุลินทรีย์, สารสกัดจากสมุนไพรที่มีคุณสมบัติเฉพาะ, และเทคโนโลยีการผลิตที่ยั่งยืน
- 2.สร้างเครือข่ายธุรกิจระดับสากล งานในครั้งนี้เป็นการรวมตัวของผู้ผลิต ผู้ซื้อ และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกกว่า 30,000 คน จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
- 3.ยกระดับความน่าเชื่อถือ การได้นำเสนอผลิตภัณฑ์บนเวทีนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ และยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ของไทยมีคุณภาพทัดเทียมกับมาตรฐานสากล
ความสำคัญของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารและนวัตกรรมนั้น นางสาวรุ้งเพชร กล่าวว่า การผลักดันไปสู่เป้าหมาย "ศูนย์กลางนวัตกรรม Food Ingredient แห่งเอเชีย" พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับในเวทีระดับโลก เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในการทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมให้ผู้ประกอบการไทยได้เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ และตลาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยการผสมผสานมาตรฐานและความปลอดภัยระดับสากล นวัตกรรมและงานวิจัยเชิงลึก การพัฒนาแบรนด์และการตลาดโลก ความยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า สำคัญ คือความร่วมมือระหว่างรัฐ - เอกชน - วิชาการ
ส่วนอุตสาหกรรม Health and Wellness ประเทศไทยมีเป้าหมายหลักคือการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นักท่องเที่ยวทั่วไป นักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว (long stay) และกลุ่มผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีเป้าหมายที่การผลักดันไทยให้เป็น Health and Wellness Hub หรือ ศูนย์กลางด้านสุขภาพและการให้บริการด้านสาธารณสุข ครอบคลุมบริการสปา ศูนย์บริการทางการแพทย์ โรงพยาบาล ตลอดจนร้านอาหารต่าง ๆ
โดยที่ผ่านมา ประเทศไทยยังมีขีดความสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากการยอมรับด้านคุณภาพบริการและโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้นักท่องเที่ยวในเอเชียส่วนใหญ่เลือกมาประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ
"ประเทศไทยสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพ จากการผลิต Functional Ingredients เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ, โปรตีนจากพืช, เสริมภูมิคุ้มกัน, Anti-aging ที่ตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุและผู้รักสุขภาพ ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบเฉพาะ (Specialty Ingredients) จากต่างประเทศ ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงโภชนาการที่ดีขึ้น และลดภาระด้านสาธารณสุขในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมภูมิคุ้มกัน อาหารบำรุงสมอง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพผิว ที่ผู้ประกอบการไทยมีจุดแข็งในการแข่งขัน ทั้งในด้านวัตถุดิบและภูมิปัญญาไทย ที่สามารถนำมาสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงมาตรฐานการผลิตระดับสากลที่ได้รับการยอมรับ" นางสาวรุ้งเพชร กล่าว
ห้ามพลาด!!! งาน Fi Asia 2025 และ Vitafoods Asia 2025 จะเป็นเวทีที่สำคัญส่วนหนึ่งให้ผู้ประกอบการไทยในการคว้าโอกาสทางธุรกิจ เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นผู้นำในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน
"ปลดล็อก" ข้อจำกัดทางธุรกิจ "เปิดโอกาส" อัปเดตเทรนด์โลก สร้างเครือข่าย และต่อยอดธุรกิจไปพร้อมกับผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพแห่งเอเชีย ลงทะเบียนฟรี https://lnk.bio/fiasia_vitafoodsasia แล้วพบกันที่งานฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 19 กันยายน 2568 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ครอบคลุมทั้ง ชั้น LG, G และชั้น 1 (วันสุดท้ายจัดถึง 17:00 น.)
