ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะหน่วยงานกลางที่ศึกษาถึงการขยายพื้นที่ อีอีซี ดังกล่าว ได้นำเสนอ ถึงผลการศึกษาความเหมาะสมของจังหวัดปราจีนบุรีในการเข้าสู่พื้นที่อีอีซี รวมทั้งได้เผยถึง รายงานสรุปข้อมูลผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การวิเคราะห์จุดเด่นและข้อจำกัดของพื้นที่ 7 อำเภอในจังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งแนวโน้มการใช้ทรัพยากรจากเข้าสู่อีอีซี พร้อมกันนี้ ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุม ได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในมิติต่าง ๆ อย่างเปิดกว้าง โปร่งใส และเป็นกลาง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง
สำหรับการดำเนินการต่อไป สกพอ. จะได้สรุปรายงานผลการศึกษา พร้อมรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ นำผลการศึกษาฯ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา ทั้งนี้ หากเห็นชอบให้มีการขยายพื้นที่ฯ ดังกล่าว สกพอ. จะจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (เพิ่มเติม) เพื่อเสนอ กพอ. และ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนประกาศราชกิจจานุเบกษา
โดย สกพอ. ขอให้ความมั่นใจแก่ประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี ว่าจะดำเนินการโดยยึดผลประโยชน์ของพื้นที่และชุมชนเป็นหลัก โดยจะนำข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วม อาทิ ข้อเสนอแนะเรื่องผลักดันการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่อย่างเท่าเทียมจากหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี ข้อเสนอแนะจากอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี เรื่องการสร้างโอกาสพัฒนาจังหวัดฯ ในทุกมิติผ่านการสร้างตลาดแรงงานชั้นสูง ซึ่งถือเป็นการการสร้างงาน สร้างอาชีพกับนักศึกษาในท้องที่ ได้มีโอกาสทำงานที่ดีใกล้บ้าน และมีรายได้ที่มั่นคง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน จากกับดักรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูง ไปพิจารณาเพื่อให้การศึกษาขยายพื้นที่อีอีซีครั้งนี้ ทุกภาคส่วนจะได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด ต่อไป
