ในการนี้ ดร.ดวงพร อุนพานิช ผู้อำนวยการ ศูนย์พัฒนาและวิเคราะห์สมบัติของวัสดุ (ศพว.) น.ส.ชมพูนุช อนุศาสน์สิทธิกิจ ผู้อำนวยการ สำนักจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (สจท.) ดร.พรศักดิ์ ทัศนราพันธ์ ผอ.ห้องปฏิบัติการตรวจสอบสมรรถนะและความปลอดภัย วว. นายนารถพล บัวอำไพ ผอ.ห้องปฏิบัติการตรวจสอบคุณสมบัติวัสดุและวิเคราะห์ความเสียหาย วว. และนายอดุลย์ อุดมวรวุฒิ รองผู้จัดการใหญ่โรงไฟฟ้า นายสุรเชษฐ์ รัตนาประเสริฐ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิศวกรรม นายธริษตร์ ศรีวิพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์บำรุงรักษา น.ส.ธัญญ์รวี ภูริฐิติธนพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารงบประมาณและคลังพัสดุ ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมด้วยนักวิจัย และบุคลากร ของทั้ง 2 หน่วยงาน ร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีด้วย ในวันที่ 23 กันยายน 2568 ณ ห้องประชุม กวท. ชั้น 8 อาคาร RD 1 วว. เทคโนธานี คลอง 5 จ.ปทุมธานี
ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อยกระดับองค์ความรู้และศักยภาพด้านวิศวกรรมสำหรับงานบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้งสององค์กร ที่ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านวิศวกรรมสำหรับงานบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างยั่งยืน การบำรุงรักษาที่มีประสิทธิภาพจึงไม่ใช่เพียงการรักษาความพร้อมของเครื่องจักร แต่ยังหมายถึงการยกระดับความมั่นคงทางพลังงาน ลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของระบบ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมพลังงานไทยในเวทีโลกอีกด้วย
"วว. ในฐานะหน่วยงานวิจัยของประเทศ มีพันธกิจหลักในการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) มาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และสังคม โดยมีศูนย์พัฒนาและวิเคราะห์สมบัติของวัสดุ เป็นหน่วยงานที่ให้บริการด้านวิเคราะห์ ทดสอบ ตรวจสอบสมรรถนะและความปลอดภัยมานานกว่า 20 ปี นอกจากนี้ยังเป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการรับรองเป็นห้องปฏิบัติการมาตรฐานสากล มอก. 17025 (ISO/IEC17025) และหน่วยตรวจตามมาตรฐาน มอก. 17020 (ISO/IEC17020) สามารถดำเนินการตรวจวัดและทดสอบด้านคุณสมบัติทางกลและทางฟิสิกส์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ซึ่งผลการวิเคราะห์ ทดสอบและตรวจสอบมีความถูกต้องแม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาแนวทางและแผนการบำรุงรักษาระยะยาวที่มีความเหมาะสมและยั่งยืน ตลอดจนการพัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้วยข้อมูลเชิงวิศวกรรม เพื่อให้การบำรุงรักษามีประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว"ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ กล่าวในตอนท้าย
นายยุทธนา เจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ BLCP กล่าวว่า โดยการดำเนินงานผ่านความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมในงานบำรุงรักษา เพื่อผลักดันการพัฒนาแนวทางและแผนการบำรุงรักษาระยะยาวที่เหมาะสม รวมถึงการประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความมั่นคงของระบบ (Reliability - Centered Maintenance : RCM) นอกจากนี้ยังเป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกัน เพื่อตรวจสอบและประเมินสภาพความพร้อมใช้งานของการประเมินอายุที่เหลือ (Remaining Life Assessment) รวมถึงความเสี่ยงของอุปกรณ์และระบบในโรงไฟฟ้า เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป