- เปิดปัจจัยพื้นฐาน 4 ด้านสุดแกร่ง ทั้ง 1. กระแสความเป็นอิสระของเฟดถูกจับตามากขึ้น 2. แนวโน้มเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย 3. แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก นำโดยจีนที่ซื้อเพิ่มต่อเนื่อง 10 เดือน 4. กระแสเงินทุนไหลเข้าจากกองทุน ETF ทองคำ
- พร้อมแนะทางเลือกการลงทุนในช่วงราคาทองคำปรับตัวสูงผ่านการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส เพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยการใช้เงินลงทุน 10% ของมูลค่า
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าจากต้นปีถึงปัจจุบัน ( 1 ต.ค. 2568 ) ราคาทองคำโลกปรับขึ้นมาแล้ว 47% ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศปรับขึ้นมาแล้วเกือบ 40% ซึ่งในปีนี้ราคาทองคำได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ร้อนแรงอย่างมาก จนทำให้เริ่มมีความกังวลว่าทองคำจะเข้าใกล้ภาวะฟองสบู่หรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาจากทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคแล้ว จะพบว่าราคาทองคำยังไม่เข้าภาวะฟองสบู่ และยังมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นไปต่อ ทั้งจากแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว แม้ว่าระยะสั้นราคาทองคำปรับตัวขึ้นจนเข้าสู่สภาวะซื้อมากเกินไป ( Overbought) จึงต้องระวังแรงขายทำกำไรและแรงขายทางเทคนิคที่จะสลับออกมา อย่างไรก็ดี ตราบใดที่ราคายังยืน 3,409 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ได้ หรือ 52,000-51,000 บาทต่อบาททองคำ ยังคงประเมินว่าเป็น "พักเพื่อขึ้นต่อ" ประเมินแนวรับแรกไว้ที่ 3,740 - 3,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือ 57,600 - 55,400 บาทต่อบาททองคำ จะเป็นจุดพักที่อาจใช้เป็นแนวเข้าซื้อเพิ่มเติม หลังจากราคาทะลุแนวต้านบริเวณ 3,850 YLG ประเมินเป้าหมายถัดไปของปีนี้ ที่ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 61,600 บาทต่อบาททองคำ
ขณะเดียวกันปัจจัยพื้นฐานของทองคำยังคงแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยบวกหลัก 4 ปัจจัย ได้แก่
1. กระแสความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ ฯ ( เฟด ) ถูกจับตามากขึ้น เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้วิพากวิจารณ์การทำงานของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากความเป็นอิสระของเฟดถูกกัดกร่อน จะบั่นทอนสถานะของดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินสำรอง และลดความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ฯ ซึ่งจะหนุนทองคำ
2. แนวโน้มเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่งในเดือน ส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 75,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในในการประชุมสัปดาห์หน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดอกเบี้ยขาลง
3. แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก YLG มองว่า กระแสลดการพึ่งพาดอลลาร์ (de-dollarization) เป็นส่วนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเร่งตัวของแรงซื้อทองคำในหมู่ธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2565 - 2567 ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2553 -2564 ที่ 478 ตันกว่า 2 เท่า โดยเฉพาะจีนที่ซื้อทองอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมากขึ้น ล่าสุด ธนาคารกลางจีน ( PBOC ) เพิ่มการถือครองทองคำในเดือน ส.ค. เป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน โดย PBOC ถือครองทองเพิ่มขึ้น 60,000 ออนซ์ หรือ 1.87 ตัน สู่ระดับ 74.02 ล้านทรอยออนซ์ หรือ 2,302.47 ตันในเดือนที่แล้ว ทำให้สัดส่วนทองคำของจีนในเงินทุนสำรองเพิ่มจาก 3.8% เป็นเกือบ 7%
4. กระแสเงินทุนไหลเข้าจากกองทุน ETF ทองคำ หลังจากเกิดกระแสเงินทุนไหลออกต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกันในปี 2566-2567 แต่ปีนี้หนึ่งในผู้ซื้อหลักที่กลับมา คือ กองทุน ETF ทองคำทั่วโลก และเป็นอีกปัจจัยที่กลับมาหนุนทองคำอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้พบว่าตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 26 ก.ย. กองทุน ETF ทอง "ทั่วโลก" ยังคงถือครองทองคำเพิ่มรวม 587.8 ตันสู่ระดับ 3,7806.6 ตัน
นอกจากนี้ทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนชั่วคราวจนทำให้ทองคำเกิด All Time High จากการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) ซึ่งถือว่าเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และโดยทั่วไปก็มักจะกินเวลาไม่นาน สำหรับทุก ๆ สัปดาห์ที่เกิดการ shutdown จะทำให้อัตราการเติบโตของ GDP ที่แท้จริงลดลงราว -0.15% แต่จะมีผลบวกในขนาดเท่ากันกลับคืนมาในไตรมาสถัดไป และคาดว่าจะมีผลกระทบต่อการจ้างงานเดือนตุลาคมที่อาจจะขยับขึ้น 0.1-0.2% หากการ shutdown ยืดเยื้อเกินวันที่ 18 ตุลาคม
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำในช่วงนี้ YLG แนะนำลงทุนผ่านตลาดฟิวเจอร์สเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด โดยล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นพิเศษ เทรดทอง-หุ้น TFEX ค่าคอมมิชชั่นลดสูงสุดถึง 80% มอบโอกาสให้นักลงทุนเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ลดค่าคอมฯ ตั้งแต่สัญญาแรกโดยไม่มีขั้นต่ำ สำหรับอัตราค่าคอมมิชชั่นที่ปรับลด ได้แก่ SET50 Index Futures เหลือเพียง 15 บาท จากปกติ 77.6 บาท , Gold Online Futures เหลือ 40 บาทต่อสัญญา จากปกติ 178 บาท ,Block Trade ลดเหลือ 0.07% จากเดิม 0.1%, Currency Futures เหลือ 5 บาท จากปกติ 10.10 บาท นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ผ่านระบบ E-Open Account ได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่เสียค่าบริการยืนยันตัวตนผ่าน NDID พร้อมบริการฝาก-ถอนเงินผ่านแอป Streaming ที่รองรับการฝากเงินแบบ Realtime เงินเข้าทันที และถอนเงินได้รับภายในวันเดียว YLG Futures ยังเพิ่มศักยภาพการเทรดด้วยเครื่องมือครบครัน ทั้ง TFEX Combo (Auto Position, Combination Order) และ Robot Trade ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Settrade Open API ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการความคล่องตัว นอกจากนี้ ยังมีทีมเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างมั่นใจ