นายภูมิรัฐ หวังปรีดาเลิศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวัตถุดิบ กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจรสู่ BCG อย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า จากปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นว่า "ชาวไร่อ้อยมั่งคั่ง กลุ่ม KTIS มั่นคง" อันสะท้อนถึงการให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับชาวไร่อ้อยของกลุ่ม KTIS ซึ่งนอกเหนือจากการส่งเสริมสนับสนุนชาวไร่อ้อยในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องแล้ว ทางกลุ่ม KTIS ได้ดำเนินการโครงการ "ทายาทชาวไร่อ้อย 100 ล้าน" ต่อเนื่องมาเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว
"โครงการทายาทชาวไร่อ้อย 100 ล้านนี้ เราไม่ได้มองชาวไร่อ้อยเป็นเพียงแค่เกษตรกรที่ทำไร่อ้อย แต่เรามีเป้าหมายที่จะสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีความเข้มแข็งในสายอาชีพเกษตรกรรมอ้อย เราต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดี มีความมั่นคงได้ด้วยอาชีพปลูกอ้อย ซึ่งโครงการนี้จะช่วยสร้างคนรุ่นใหม่ที่เป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของชาวไร่อ้อย ให้สามารถสืบทอดอาชีพไร่อ้อยได้อย่างภาคภูมิใจ พร้อมทั้งสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาธุรกิจไร่อ้อยให้เติบโตยิ่งขึ้น" นายภูมิรัฐ กล่าวและเสริมว่า โครงการนี้ไม่ใช่เพียงแค่การต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของประเทศไทยโดยรวม
นายภูมิรัฐ กล่าวถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการทายาทชาวไร่อ้อย 100 ล้านว่า มีการถ่ายทอดความรู้ด้านการบริหารจัดการไร่อ้อยอย่างเป็นระบบ ด้วยการนำเทคโนโลยีและวิธีการสมัยใหม่มาใช้ เพื่อก้าวสู่การทำไร่อ้อยอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างเกษตรกรทายาทรุ่นใหม่ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเกษตรอ้อย อีกทั้งผลักดันทายาทชาวไร่ให้มีความสามารถในการสืบทอดกิจการไร่อ้อยให้เติบโตต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน มีความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
"อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจการเกษตรไทย สร้างรายได้และการจ้างงานให้กับประชาชนจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกัน ภาคเกษตรก็ต้องเผชิญกับความท้าทายจากทั้งสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ความต้องการของตลาดโลกที่ผันผวน ตลอดจนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น การสร้างทายาทเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ และพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ภาคการเกษตรไทยก้าวต่อไปได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน" นายภูมิรัฐ กล่าว
