ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา Maxim สามารถเพิ่มจำนวนคนขับที่ได้รับใบอนุญาตขับรถสาธารณะภาคบังคับได้ถึง 5 เท่า แต่คนขับส่วนใหญ่ยังคงเผชิญปัญหา โดยเฉพาะในขั้นตอนการลงทะเบียนประเภท รย.6 รย.17 และ รย.18 ที่มีความล่าช้าอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากปัจจัยภายนอก
จากการสำรวจคนขับกว่า 2,000 รายใน 8 จังหวัดหลัก พบว่าอุปสรรคสำคัญในการนำรถเข้าสู่ระบบ ได้แก่ ราว 45.9% ของคนขับล่าช้าในการขอใบอนุญาต เนื่องจากรถยังอยู่ภายใต้สัญญากับธนาคารหรือบริษัทสินเชื่อ ประมาณ 31.2% ไม่สามารถลงทะเบียนรถที่ไม่ได้อยู่ในชื่อของตนเอง และอีก 26.5% มีรถอายุมากกว่า 9 ปี จึงไม่ผ่านเกณฑ์การลงทะเบียน นอกจากนี้ คนขับยังเผชิญกับอุปสรรคอื่น ๆ เช่น ค่าประกันสูง ขั้นตอนการขอใบอนุญาตใช้เวลานาน และคนขับพาร์ทไทม์ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่สูงได้
ประเด็นที่น่าสนใจคือ 71.7% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีรายได้หลักจากการขับรถผ่านแอปพลิเคชันเรียกรถ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งใช้เป็นช่องทางสร้างรายได้เสริม สะท้อนถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น หากมีการเพิกถอนการจดทะเบียนอย่างกะทันหัน เนื่องจากคนจำนวนมากอาจสูญเสียรายได้ในการเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้
"ในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่รับผิดชอบด้านการเงิน ผมขอยืนยันว่ากระบวนการนี้ยากทั้งด้านเวลาและค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น ค่าเปลี่ยนประเภทรถ ค่าเอกสาร และค่าธรรมเนียมสูงกว่าที่คาดไว้ ผมพยายามปฏิบัติตามกฎหมายเต็มที่ แต่บางครั้งต้องหยุดงานทั้งวันเพื่อดำเนินเรื่อง เรียกว่ารายได้หายทันที การมีทางเลือกหรือการสนับสนุนทางการเงินจากหน่วยงานหรือแพลตฟอร์มจะช่วยให้ผมและคนขับหลายคนสามารถปรับตัวและปฏิบัติตามกฎหมายได้โดยไม่กระทบครอบครัว ผมอยากแสดงให้เห็นว่าเราพยายามเต็มที่ แต่ความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงทำให้ทำได้ยากจริง ๆ และต้องใช้เวลามาก ผมกังวลว่าครอบครัวผมอาจเสียโอกาสหารายได้นี้" นายพิเชษฐ ทวีทรัพย์ คนขับพาร์ทเนอร์ Maxim
Maxim ได้ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและคำแนะนำแก่คนขับ แต่กระบวนการนี้ยังคงใช้เวลานาน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายของคนขับอยู่ระหว่าง 13,700 ถึง 46,700 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้เกือบ 3 เดือนในเชียงใหม่ โดยรายได้เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 15,000 - 25,000 บาทต่อเดือน ทำให้เป็นภาระหนักสำหรับคนขับ ดังนั้น Maxim จึงเสนอแนวทางลดค่าใช้จ่าย โดยพิจารณาการทำประกันแบบรายวันหรือรายสัปดาห์
ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงเสนอให้ขยายระยะเวลาการปฏิบัติตามกฎหมายออกไป 12 เดือน เพื่อรองรับเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง และอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนสำหรับรถที่อยู่ภายใต้สัญญาเช่าซื้อหรือรถร่วม ตลอดจนขยายมาตรการสนับสนุนให้ครอบคลุมถึงคนขับพาร์ทไทม์ และรถเก่าที่ยังคงมีสภาพดี
"การกำหนดเวลาในการบังคับใช้กฎหมายนี้อาจส่งผลให้คนขับหลายพันรายที่พยายามปฏิบัติตามถูกตัดออกจากระบบ คนขับหลายคนยังคงมีภาระค่าใช้จ่ายประจำวันที่สูง เช่น ที่พัก ค่าเล่าเรียนบุตร และการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในครอบครัว อุปสรรคหลักที่พบคือค่าเปลี่ยนประเภทรถและค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตที่สูง รวมถึงขั้นตอนการดำเนินการ ที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน ทำให้คนขับบางคนไม่สามารถหาเวลาไปดำเนินการได้ เราตระหนักว่าคนขับที่มีข้อจำกัดหลายด้าน ทั้งด้านการเงินและด้านอื่น ๆ ควรได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนอย่างแท้จริง ดังนั้นเราจึงขอความกรุณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการขยายระยะเวลาผ่อนผัน พร้อมให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อให้คนขับและครอบครัวยังคงมีรายได้ที่มั่นคงในช่วงเปลี่ยนผ่านด้านกฎหมาย" กล่าวโดย นายพงศ์พัฒน์ อักษราวรกานต์ กรรมการผู้จัดการ Maxim ประเทศไทย
Maxim ประเทศไทย ยืนยันความมุ่งมั่นในการนำคนขับเข้าสู่ระบบอย่างถูกกฎหมาย พร้อมย้ำว่าความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยทั้งเวลาและความยืดหยุ่น บริษัทเดินหน้าผลักดันการหารือและความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และกรมการขนส่งทางบก (DLT) รวมถึงภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม เพื่อปรับกฎระเบียบให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และสร้างการเปลี่ยนผ่านที่ทั่วถึงสำหรับเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลของไทย
