นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า GULF ประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.76% ต่อปี มูลค่า 4,900 ล้านบาท หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.00% ต่อปี มูลค่า 13,900 ล้านบาท หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.20% ต่อปี มูลค่า 8,100 ล้านบาท และหุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.37% ต่อปี มูลค่า 3,100 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด ดังกล่าว มีอัตราดอกเบี้ยคงที่เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 2.05 และอายุเฉลี่ยหุ้นกู้เท่ากับ 5.7 ปี ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นกู้ชุดที่ 1-4 ให้แก่นักลงทุนสถาบันและ/หรือนักลงทุนรายใหญ่ และเสนอขายหุ้นกู้ชุดที่ 2-4 ให้แก่ประชาชนทั่วไป ในระหว่างวันที่ 30 กันยายน และ 1-2 ตุลาคม 2568 และออกหุ้นกู้ในวันที่ 3 ตุลาคม 2568
"การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้นับเป็นการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกภายใต้บริษัทใหม่ภายหลังการควบรวมกิจการกับ INTUCH ซึ่งทางบริษัทฯ ได้รับผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากนักลงทุน ด้วยยอดจองซื้อรวมกว่า 73,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.5 เท่า ของจำนวนที่เสนอขาย อีกทั้งหลังการควบรวมบริษัท GULF ได้รับการปรับอันดับเครดิตของหุ้นกู้และองค์กรเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ "AA-" จึงทำให้การระดมทุนในครั้งนี้มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งคาดว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยไปได้ประมาณ 300-400 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ภายหลังการระดมทุนดังกล่าว ทางบริษัทฯ จะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และส่วนที่เหลือจะใช้รองรับการขยายการลงทุน โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable) อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ควบคู่กับการสร้างการเติบโตในธุรกิจดิจิทัล ซึ่งขับเคลื่อนด้วยธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) รวมไปถึงธุรกิจคลาวด์ เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการด้านดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย และสอดคล้องไปกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของ GULF ในอนาคตต่อไป" นางสาวยุพาพินกล่าว
ปัจจุบัน GULF ดำเนินธุรกิจในลักษณะ Holding Company ด้วยธุรกิจที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจก๊าซ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ธุรกิจโทรคมนาคมและดาวเทียม และธุรกิจดิจิทัล ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่สอดรับกับเมกะเทรนด์และตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต โดยความแข็งแกร่งและความมั่นคงของธุรกิจดังกล่าว สะท้อนจากอันดับเครดิตของหุ้นกู้และองค์กรที่ระดับ "AA-" แนวโน้ม "Stable" จัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด