หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือเวที Tech Talk หัวข้อ "Turning Tough Times into Growth with Corporates and Startups" โดยมี คุณปาลิดา อธิศพงศ์ Acting Managing Director and Head of Portfolio Growth, Krungsri Finnovate ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองการลงทุนในยุคเศรษฐกิจผันผวน พร้อมสะท้อนภาพรวมของวงการสตาร์ทอัพไทยที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ท่ามกลางคำถามถึง "ความเงียบ" ของตลาด และการชะลอตัวของนักลงทุนหลังยุคยูนิคอร์น
CVC ยังแข็งแกร่ง: "เลือกมากขึ้น" เพื่อบริหารเงินทุนอย่างรอบคอบ
คุณปาลิดาเปิดเผยว่า แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมสตาร์ทอัพไทยจะดู "เงียบลง" แต่ CVC ยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน โดยกรุงศรี ฟินโนเวตได้ลงทุนในสตาร์ทอัพไทยไปแล้วกว่า 4,500 ล้านบาท ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
กรุงศรี ฟินโนเวตยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง แต่ "เลือกมากขึ้น" เพื่อให้สอดคล้องกับจังหวะของตลาดและบริหารเงินทุนอย่างรอบคอบ เพื่อรองรับการหมุนเวียนของรอบการลงทุนในอนาคต คุณปาลิดาระบุว่า ปัญหาหลักของตลาดในขณะนี้ไม่ใช่การขาดดีลลงทุน แต่เป็น "ช่องทาง Exit ในประเทศที่ยังมีจำกัด" ซึ่งทำให้วงจรเงินทุนหมุนช้ากว่าที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบวกจากการ Exit และการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ที่คาดว่าจะเห็นความเคลื่อนไหวชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปีนี้ถึงปีหน้า ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการ "ปลดล็อกวงจรเงินทุน" และสร้างแรงส่งใหม่ให้ตลาดสตาร์ทอัพในระยะยาว
AI คือตัวเร่งธุรกิจ: "ชัยชนะอยู่ที่ Execution"
คุณปาลิดาย้ำว่า AI คือเทคโนโลยีที่หนีไม่พ้น และเป็น "ตัวเร่ง" สำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาด เพราะช่วยให้การทดลองผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ใหม่ๆ ทำได้รวดเร็วขึ้นและมีต้นทุนต่ำลง ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาโปรดักต์ การขาย หรือการบริหารจัดการภายในองค์กร
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ได้มองเพียงการใช้ชื่อเทคโนโลยี แต่ให้ความสำคัญกับ "เส้นทางทำกำไรที่ชัดเจน" และทีมผู้ก่อตั้งที่มีความสามารถในการ Execution และปรับตัวได้รวดเร็ว
"AI เป็นเทคโนโลยีที่หนีไม่พ้น แต่ชัยชนะอยู่ที่ทีมที่ปรับตัวได้เร็ว และมองเห็นเส้นทางทำกำไรได้จริง" — คุณปาลิดา กล่าว
คุณปาลิดากล่าวเพิ่มเติมว่า โอกาสการลงทุนต่อจากนี้จะมุ่งไปที่เทคโนโลยีที่ผสาน AI เข้ากับอุตสาหกรรมเฉพาะทาง (Vertical) เช่น Green Energy, Wealth, และ ESG โดยเฉพาะสตาร์ทอัพที่สามารถเชื่อมโยง AI เข้ากับโจทย์ธุรกิจและสร้างผลลัพธ์เชิงรายได้อย่างเป็นรูปธรรม
"เทคโนโลยีคือตัวเร่ง แต่จุดแข็งของแบรนด์ คือตัวจริงที่จะพาเติบโต"
ในช่วงท้าย คุณปาลิดาฝากข้อคิดถึงผู้ประกอบการว่า ในยุคที่เทคโนโลยีหมุนเร็ว ผู้ก่อตั้งควรเริ่มจาก "จุดแข็งของตัวเอง" และใช้เทคโนโลยีเป็น "ตัวเร่ง" เพื่อขยายศักยภาพและความเร็วในการเติบโต โดยไม่ลดทอนสิ่งที่เป็น Core Strength ของธุรกิจ พร้อมย้ำว่า เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนคือการรักษาจุดแข็งและคุณค่าของแบรนด์ไว้ให้มั่นคง
