จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่าประเทศไทยมีโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบันที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP มากกว่า 150 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้มีไม่ถึง 10% ที่สามารถผลิตวัตถุดิบตัวยาสำคัญได้เอง ส่วนใหญ่นำเข้าตัวยาวัตถุดิบจากต่างประเทศมาผสม ซึ่งเป็นลักษณะนี้เกือบ 90% สำหรับการวิจัยและพัฒนายาตัวใหม่เพื่อทดแทนการนำเข้ายังมีอยู่น้อยมาก จึงมองว่าการจะส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงยาในประเทศให้มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ หัวใจสำคัญคือการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบตัวยาขึ้นมาเองเพื่อทดแทนการนำเข้าในส่วนของยาแผนปัจจุบัน ขณะเดียวกันในส่วนของยาสมุนไพรไทยนั้นเป็นทางเลือกที่ดีแต่มองว่ายังขาดการประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงข้อบ่งใช้ที่ถูกต้องจึงทำให้ปัจจุบันประชาชนบางส่วนยังขาดความมั่นใจในการใช้เป็นยาทางเลือก
"การส่งเสริมยาที่ผลิตในประเทศ ด้วยการจับมือกับโรงพยาบาลเอกชนให้คนป่วยสามารถนำใบสั่งยามาซื้อที่เภสัชกรนอกโรงพยาบาล เป็นเรื่องที่ดีมาก เราเองในฐานะผู้ประกอบการด้านการผลิตยายอมรับว่าได้รับผลดีกับบริษัท แต่เราเองก็ไม่ได้หยุดนิ่งเราทำการวิจัยและพัฒนาตลอดเวลาผ่านบริษัทลูกคือ CDIP ที่ประกอบธุรกิจวิจัยเชิงวิชาการในห้องปฏิบัติการ รับจ้าง ทดสอบและวิเคราะห์ผลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป้าหมายหลักของเราคือเป้าหมายเดียวกับรัฐบาลคือให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ผ่านการคิดสูตรยาใหม่เพื่อรักษาโรค รวมถึงอาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ
นอกจากนี้ยังมองว่าการออกกฎหมายให้สามารถจำหน่ายยาหลากหลายประเภทผ่านตู้ขายยาอัตโนมัติ 24 ชม. จะยิ่งช่วยเสริมนโยบายรัฐให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับคนไข้สามารถนำใบสั่งยามารับได้ที่ตู้ขายยาอัตโนมัติ ที่มีแพทย์ หรือ เภสัชกร ให้บริการทางออนไลน์ หรือที่เรียกว่า เทเลฟาร์มาซี หรือ เทเลเมดิคอล หากมีการปรับแก้ไขกฎหมาย ให้ตู้ยาอัตโนมัติสามารถมียาอันตรายที่ต้องจ่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้นด้วย เชื่อว่าจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณะสุขได้อย่างมาก