'WAVE' จัดงานสัมมนา "Driving Industrial Sustainability in Action" นิคมฯ บางปู แชร์กลยุทธ์จัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์และลดก๊าซเรือนกระจก

ยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว

Monday 20 October 2025 10:30
'WAVE' จัดงานสัมมนา "Driving Industrial Sustainability in Action" นิคมฯ บางปู แชร์กลยุทธ์จัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์และลดก๊าซเรือนกระจก

บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) หรือ (WAVE) จัดงานสัมมนาครั้งสำคัญ "Driving Industrial Sustainability in Action" เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ให้กับผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมบางปู แชร์กลยุทธ์การจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการลดก๊าซเรือนกระจก พร้อมแนะเทคโนโลยีลดต้นทุนและกลไกตลาดคาร์บอน หนุนผู้ประกอบการก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) พร้อมรับมือกับความท้าทายจากมาตรการ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) และร่างกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับแรกของไทย เพื่อเสริมแกร่งการแข่งขันในระยะยาว โดยได้รับเกียรติจาก นาย ธาตรี เล็กสุวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปู มากล่าวเปิดงาน

นายกรกช สงวนปิยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (WAVE BCG) ผู้ให้บริการ Climate Solution ครบวงจร บริษัทฯ ลูก ในเครือบริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) หรือ (WAVE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมให้ภาคอุตสาหกรรมในไทยรับมือกับความท้าทายจากภาวะโลกร้อน มาตรการการค้าระหว่างประเทศ อาทิ EU CBAM (เริ่มยื่นรายงาน ก.พ. ปี 2570) และ UK CBAM (เริ่มยื่นรายงานและชำระค่าธรรมเนียม พ.ค. ปี 2571) ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทย เช่น เหล็ก, อลูมิเนียม, ปุ๋ย อาจทำให้ผู้ประกอบการสูญเสียความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกหากไม่ปรับตัว ขณะที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือเปลี่ยนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมจากภาคสมัครใจให้เป็นข้อบังคับทางกฎหมาย รวมทั้งการปรับเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ ให้เร็วยิ่งขึ้นจากปี 2608 เป็นปี 2593

ทั้งนี้ปัจจัยผลักดันให้ทุกภาคส่วนต้องปรับกระบวนการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บริษัทฯ ได้จัดงานสัมมนา "Driving Industrial Sustainability in Action เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ให้แก่ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางปู โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้และขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในโอกาสนี้ บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ "กลยุทธ์การจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการลดก๊าซเรือนกระจก" โดยได้นำเสนอกรอบการดำเนินงานและการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และก๊าซเรือนกระจกแบบครบวงจร (End-to-End Service) 7 ขั้นตอน

นอกจากนี้ภายในงานมีไฮไลท์สำคัญโดยได้เชิญพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำจากหลากหลายแขนง เพื่อร่วมกันนำเสนอโซลูชันและตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้อย่างครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยีการจัดการพลังงาน การใช้พลังงานสะอาด การเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนยานยนต์ในโรงงานให้เป็นระบบไฟฟ้า ได้แก่ บริษัท ชไนเดอร์ อีเล็คทริค (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, บริษัท แอทลาส อีวี จำกัด และ บริษัท โปรเกรส ฟอร์คลิฟท์ เอเชีย จำกัด

"การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เป็นเครื่องมือสำคัญที่เปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันและความยั่งยืนขององค์กร เพราะช่วยสร้างความเข้าใจถึงแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักขององค์กรได้อย่างชัดเจน พร้อมกับวางแผนและลงทุนเพื่อลดการปล่อยก๊าซได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งไปที่แหล่งกำเนิดสำคัญ และสิ่งสำคัญนำไปสู่การได้รับการรับรองที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุน พร้อมมอบเครื่องมือและความรู้ผู้ประกอบการทุกราย จากการที่เราเป็นผู้ประกอบการที่เข้าใจความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศอย่างลึกซึ้ง สามารถแปลงเรื่องที่ซับซ้อนให้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และพร้อมเป็นพันธมิตรเคียงข้างธุรกิจทุกย่างก้าวของการเปลี่ยนแปลง" นายกรกช กล่าว

ในช่วงท้ายของงานสัมมนา นายกรกชได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ "กลไกการใช้คาร์บอนเครดิตและใบรับรองพลังงานหมุนเวียน" โดยนำเสนอ 2 แนวทางสำคัญที่ภาคธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง อาทิ โครงการทำนาเปียกสลับแห้ง (Alternate Wetting and Drying: AWD) ซึ่งเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการชดเชยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตร และสามารถพัฒนาต่อยอดสู่การสร้างคาร์บอนเครดิตได้ และกลไกของใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยองค์กรสามารถนำเครื่องมือเหล่านี้ไปใช้เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยการเสวนาครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก สะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจไทยกำลังตื่นตัวและพร้อมรับกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันสู่การเติบโตยั่งยืนในอนาคต