กทม. รุกเข้มตรวจสอบสุขลักษณะ-ใบอนุญาตตู้กดน้ำดื่มทั่วกรุง เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้บริโภค

นางดวงพร ปิณจีเสคิกุล ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบมาตรฐานเครื่องจำหน่ายน้ำดื่มอัตโนมัติในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า กทม. กำหนดให้การผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ เป็นกิจการที่ต้องควบคุมตามข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ.2561 ลำดับที่ 3 (15) การผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ ผู้ใดประสงค์จะประกอบกิจการในลักษณะที่เป็นการค้า ต้องขอรับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น โดยต้องปฏิบัติและจัดสถานที่สำหรับประกอบกิจการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2560 และข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2561 เช่น ตั้งในบริเวณที่เหมาะสม ไม่มีน้ำท่วมขัง ดูแลรักษาความสะอาดสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค หากประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษตามมาตรา 71 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ มีกิจการผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ 2,735 แห่ง มีใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 2,647 แห่ง และไม่มีใบอนุญาต 88 แห่ง ซึ่งสำนักงานเขตทั้ง 50 เขตอยู่ระหว่างติดตามให้ผู้ประกอบกิจการมายื่นคำขอใบอนุญาต (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 68) โดยผู้บริหาร กทม. ได้สั่งการและกำชับให้สำนักงานเขตกำกับดูแลตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญทั้งในรายที่มีใบอนุญาตและไม่มีใบอนุญาตอย่างเคร่งครัด และติดตามรายที่ไม่มีใบอนุญาตให้มาขอรับใบอนุญาต พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบสุขลักษณะและคุณภาพน้ำของตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ด้วยน้ำยาทดสอบโคลิฟอร์มในน้ำและน้ำแข็ง (อ.11) ทุก 4 เดือน (3 ครั้ง/ปี) กรณีผลตรวจคุณภาพน้ำไม่ผ่านเกณฑ์จะแจ้งให้ผู้ประกอบการดำเนินการแก้ไข หากไม่แก้ไขจะสั่งให้หยุดประกอบการต่อไป