นางสาวณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล หรือ MMM เปิดเผยว่า วันนี้ (7 พ.ย.68) บริษัทฯ ได้นำหุ้น MMM เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก หลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (PO) จำนวน 64.2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท ระหว่างวันที่ 28 - 30 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุน สะท้อนความเชื่อมั่นในพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการเติบโตในอนาคต สู่การเป็นผู้นำในด้านการเป็นผู้ให้บริการด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ ควบคู่กับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ที่สำคัญ MMM ถือได้ว่าเป็นบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนขายที่อยู่อาศัยประเภทบ้าน และ คอนโดมิเนียม มือ 1 รายแรก ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในนามของคณะผู้บริหาร MMM ขอขอบคุณนักลงทุนที่แสดงถึงความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนหุ้น MMM การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ และความสำเร็จของบริษัทฯ ในการนำร่องของการเป็นหลักทรัพย์ตัวแรกในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) ที่ย้ายเข้าสู่กระดาน mai ซึ่งเป็นการสร้างโอกาส สู่การต่อยอดในอนาคต และเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน รวมถึงยังเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัทฯ เพื่อขยายการลงทุน อีกด้วย
และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ กลุ่มนางสาวณิชา และ นายสุริยา ที่ถือหุ้นรวมกัน จำนวนหุ้น 219,997,900 หุ้น หรือคิดเป็น 73.33% ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญ นอกจากติด Silent Period ตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ กำหนดห้ามขายหุ้นแล้ว สำหรับหุ้นส่วนที่เหลือทางกลุ่มก็จะไม่ขายหุ้นโดยสมัครใจ (Lock Up) ทั้งหมด 100% เป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ mai
ทั้งนี้ สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 287.10 ล้านบาท บริษัทฯ เตรียมนำไป ขยายพอร์ตธุรกิจทั้ง 3 รูปแบบการให้บริการ ได้แก่ ธุรกิจที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) บริหารงานขายโครงการ (BU2) บริการแบบ Hybrid รวมถึงการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการซื้อขาย (BU3) และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและพัฒนาโครงการในอนาคต เพื่อสร้างโอกาสการ ต่อยอดในการขยายพอร์ตโครงการที่หลากหลายมากขึ้น โดยบริษัทฯ วางแผนสร้างการเติบโต อย่างก้าวกระโดด ผ่านการขยายการลงทุนใน 3 รูปแบบธุรกิจ
ล่าสุด บริษัทฯ รายงานตัวเลขผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก 2568 มีรายได้จากการขาย และบริการรวม 561.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา(YoY) ขณะที่ กำไรสุทธิ 102.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.84%(YoY) คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 18.33% สะท้อน ถึงศักยภาพการบริหารธุรกิจท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน
ด้าน นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวตอกย้ำว่า "MMM" จัดเป็นหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock ที่มีการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้จุดเด่นและ ความแตกต่าง ด้วยโมเดลธุรกิจ "มินิมาร์ท อสังหาฯ" รวมถึงความโดดเด่น ในการเลือกอสังหาริมทรัพย์พร้อมขายที่มุ่งเน้นความต้องการของตลาด ที่กระจายความเสี่ยงผ่านการบริหารโครงการที่หลากหลาย ทั้งประเภทที่อยู่อาศัยบ้าน และคอนโดมิเนียม รวมถึงทำเลที่ตั้ง มีอำนาจการต่อรอง สามารถควบคุมต้นทุน จนทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี และภายใต้กลยุทธ์การทำการตลาดผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระขนาดใหญ่ ด้วยค่าตอบแทน Margin-Based Commission ทำให้นายหน้าอิสระสามารถปรับกลยุทธ์การขาย และการตลาด ได้ตรงต่อความต้องการของลูกค้า จนสามารถปิดการขายและขยายฐานลูกค้า ได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ จึงยิ่งตอกย้ำถึงการน่าลงทุนในหุ้นดังกล่าว
ขณะที่ นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 1 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ กล่าวเพิ่มเติมว่า "MMM" มี Business Model ที่โดดเด่น ภายใต้การดำเนินธุรกิจนายหน้ารูปแบบใหม่ สามารถบริหาร ความเสี่ยงได้ดี เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีภาระดอกเบี้ยจากต้นทุนพัฒนาโครงการ โดยใช้กลยุทธ์ Leverage เพื่อขยายพอร์ตสินทรัพย์สำหรับขายได้ในวงกว้าง และมี Cash Cycle ต่ำ เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน สะท้อนถึงศักยภาพการทำกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ภายหลังจากที่บริษัทฯ แจ้งงบผลการดำเนินงาน งวด 9 เดือนแรก ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราส่วนสภาพคล่องที่ 7.22 เท่า และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ร้อยละ 68.80 อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ที่ร้อยละ 59.29 และหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนผู้ถือหุ้น (IBD/E) ที่ 0.03 เท่า ซึ่งราคาเสนอขายหุ้น PO ที่ 5.50 บาท จะมีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price To Earnings Ratio: P/E) จากเดิมที่ระบุในหนังสือชี้ชวนที่ 13.41 เท่า จะลดลงเหลือ 11.50 เท่า ดังนั้นเชื่อว่าจากทิศทางดังกล่าวจะส่งผลเชิงบวกต่อบริษัทฯ และจะได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุน