นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR เปิดเผยว่า ตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงเป็นความท้าทายต่ออุตสาหกรรมประกันภัยและประกันภัยต่อของไทย จากปัจจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับความผันผวนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม แม้จะเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน TQR ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ร่วมกับบริษัทประกันภัยชั้นนำ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) บริษัทฯ มีรายได้รวม 208.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 195.08 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 75.65 ล้านบาท ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2568 มีรายได้รวม 64.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 59.67 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 22.45 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) และธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business)
นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลงานการดำเนินงานในไตรมาส 4/2568 คาดว่า จะสามารถเติบโตได้ดี เนื่องจากเป็นช่วง seasonal ของธุรกิจประกันภัยและประกันภัยต่อ ในการต่ออายุกรมธรรม์ พร้อมกับเทรนด์ความต้องการประกันภัยต่อ Alternative ทั้งประกันภัยต่อที่เกี่ยวข้องกับ ESG เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ ประกันภัยต่อไซเบอร์ (Cyber) ในรูปแบบองค์กร (Corporate Cyber) และส่วนบุคคล (Personal Cyber), ประกันภัยต่อสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident and Health), ประกันภัยต่อความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร (Directors and Officers) และประกันภัยต่อการก่อการร้ายและภัยทางการเมือง (Political Violence)
สำหรับความร่วมมือกับ บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) (TQM) ได้นำเทคโนโลยี นวัตกรรมมาพัฒนาแพลตฟอร์ม และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น ประกันภัยและประกันภัยต่อที่อยู่อาศัย เป็นต้น
ขณะที่ บริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด บริษัทร่วมทุน โดย TQR ถือหุ้นในสัดส่วน 30% เพื่อประกอบธุรกิจประกันภัยไซเบอร์ โดยมุ่งพัฒนาโซลูชันด้าน Cyber Insurance และระบบบริหารความปลอดภัยข้อมูล พร้อมกับพัฒนาระบบวิเคราะห์ความเสี่ยงด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดความสูญเสียจากภัยไซเบอร์ ความร่วมมือนี้ ช่วยยกระดับศักยภาพของกลุ่ม TQR ในการให้บริการ Cyber Insurance ที่ทันสมัยและแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค ซึ่งล่าสุด ALPHASEC ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท ลาวโทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (Lao Telecom) เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในภูมิภาคอาเซียน
"ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ TQR มั่นใจว่า ธุรกิจประกันภัยและประกันภัยต่อยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการทำประกันภัยของผู้บริโภคที่มีสูง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มีการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ให้มีความรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้รายได้ในปีนี้ เติบโตที่ระดับ 5-10% ได้ตามแผน และตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำนายหน้าประกันภัยต่อครบวงจร" นางยุพเรศ กล่าวในที่สุด