นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำบริษัทก่อสร้างครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4 ปี 2568 แนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทเตรียมส่งมอบงาน อาทิ สนามบินกระบี่ โครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ โครงการก่อสร้างทางพิเศษพระราม 2 และรับรู้รายได้จากการดำเนินงานโครงการขนาดเล็กตามงบกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างรอลงนามสัญญาโครงการใหญ่อีก 2 งาน และโครงการขนาดกลางและขนาดเล็กอีกหลายโครงการ ภายในสิ้นปีนี้
ส่วนการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา บริษัทสามารถส่งมอบงานจำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวม 365 ล้านบาท ครอบคลุมงานก่อสร้าง งานบูรณะ และเสริมผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีต อาทิ งานปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 32 ตอนอยุธยา - นครหลวง, งานก่อสร้างเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง ทล. 4235 ตอน บ้านนา - ปากปรน - บกหัก นอกจากนี้บริษัทลงนามสัญญาโครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,600 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) ณ 30 ก.ย. อยู่ที่ระดับ 12,800 ล้านบาท
"จากกลยุทธ์ CIVIL FAST ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทสามารถเร่งก่อสร้างและส่งมอบงานได้เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะโครงการขนาดเล็ก ช่วยให้รับรู้รายได้รวดเร็ว และมีอัตรากำไรที่ดีกว่า ประกอบกับบริษัทมีศักยภาพทางการเงินและกระแสเงินสดที่ดี สามารถรับงานได้หลากหลาย พร้อมขยายโอกาสรับงานใหม่ทั้งจากภาครัฐและเอกชนในอนาคต" นายปิยะดิษฐ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 3,483 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,696 ล้านบาท และ มีขาดทุนสุทธิ 91 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 1,239 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,389 ล้านบาท และ มีขาดทุนสุทธิ 112 ล้านบาท
สาเหตุที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง เนื่องจากกลุ่มโครงการขนาดใหญ่ขยายระยะเวลาดำเนินงาน ส่งผลให้การรับรู้รายได้ตามสัดส่วนงานที่แล้วเสร็จเลื่อนออกไป และมีการบันทึกต้นทุนเพิ่ม ซึ่งไม่กระทบต่อการดำเนินงานก่อสร้าง และกระแสเงินสดในการดำเนินงาน ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามและทบทวนสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินมาตรการควบคุมต้นทุนให้เหมาะสม รวมถึงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวช่วงปลายเดือนมี.ค. และการชะลอลงนามในสัญญาใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถส่งมอบโครงการขนาดเล็กได้แล้วกว่า 10 โครงการ ช่วยชะลอผลกระทบจากรายได้ในโครงการขนาดกลางและใหญ่ที่เลื่อนออกไป สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของกลยุทธ์การกระจายพอร์ตงาน เพื่อสร้างความต่อเนื่องในการรับรู้รายได้และเสถียรภาพของธุรกิจในระยะยาว