นายแพทย์อัครวัฒน์ เพียวพงภควัต ผู้อำนวยการกองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ กล่าวเสริมในการบรรยายหัวข้อ Empowering Breastfeeding Literacy in Community ว่า การส่งเสริมความรอบรู้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในชุมชนสามารถดำเนินการได้ตามกระบวนการสร้างความรอบรู้ (V-Shape Model) ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ การค้นหาข้อมูลนมแม่จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เข้าใจประโยชน์ของนมแม่ เช่น มี DHA ARA วิตามิน A-K และช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข, พยาบาล, นักโภชนาการ เมื่อสงสัยเรื่องการให้ใช้ข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อเลือกแนวทางการปฏิบัติของตนเอง เช่น ใช้ข้อมูลจากมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทยในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนแรก ปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน เช่น 6 เดือนแรกให้นมแม่เท่านั้น และ ถ่ายทอดสิ่งดีๆ สู่ผู้อื่น เช่น แชร์ประสบการณ์ในกลุ่มแม่ๆ หรือร่วมกิจกรรมรณรงค์ในชุมชน สำหรับแนวทางการสื่อสารและรณรงค์ในชุมชน สามารถทำได้ เช่น ประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย เพจชุมชน Line กลุ่มแม่ลูกอ่อน เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่น "แม่ให้นมเล่าเรื่องจริง" คลินิกนมแม่เคลื่อนที่ ให้คำปรึกษาและสาธิตในหมู่บ้านเครือข่ายแม่อาสา ติดตามและให้กำลังใจแม่มือใหม่ และกิจกรรมรณรงค์ เช่น "สัปดาห์นมแม่โลก" เป็นต้น
แพทย์หญิงศรินนา แสงอรุณ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์ กล่าวในการเสวนาเรื่อง "พัฒนาความรอบรู้ด้านนมแม่ กุญแจสำคัญของโรงพยาบาลตามแนวทาง BFHI 2018" ว่า "หนึ่งในมาตรการสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คือ การพัฒนาระบบบริการสุขภาพตามมาตรฐานโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูก (BFHI) ผลการประเมินมาตรฐาน BFHI ระหว่างปี 2566-2568 พบว่า แนวโน้มการผ่านเกณฑ์บันได 10 ขั้นลดลง โดยเฉพาะขั้นที่ 2 (บุคลากรขาดความรู้และทักษะช่วยเหลือมารดา), ขั้นที่ 4 (มารดาไม่ได้โอบกอดลูกภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอด) และ ขั้นที่ 5 (เริ่มต้นให้นมไม่ถูกวิธี) กรมอนามัยจึงกำหนดแนวทางยกระดับคุณภาพบริการ พัฒนาแนวปฏิบัติมาตรฐานโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูก (BFHI) ภายในปี 2569 บูรณาการเกณฑ์บันได 10 ขั้นเข้ากับมาตรฐาน HA พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรสาธารณสุขและ อสม. จัดระบบให้คำปรึกษาผ่าน Telehealth หลังคลอด ส่งเสริมความร่วมมือของชุมชนในการสนับสนุนแม่ให้นมลูก