เมืองหยิงโข่ว มณฑลเหลียวหนิง ยังคงเป็นกระแส "ไวรัล" ต่อเนื่องจากปรากฏการณ์ "พระอาทิตย์ตกดินลับขอบทะเล" อันเป็นเอกลักษณ์ จนกลายเป็นจุดหมายท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอันโด่งดังของจีน ทุกเย็นเมื่อดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า แสงสีทองของดวงอาทิตย์ยามสนธยาจะทอประกายระยิบระยับบนผิวน้ำตลอดแนวชายฝั่งยาวกว่า 100 กิโลเมตร สร้างทิวทัศน์ "พระอาทิตย์ตกดินเหนือทะเลที่งดงามตรึงใจ" ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศหลั่งไหลเข้ามาชื่นชม จนเกิดเป็นวลีฮิตที่ในกลุ่มนักเดินทางว่า "ชมพระอาทิตย์ตกริมทะเล ต้องมาที่ชายฝั่งตะวันตกของเมืองหยิงโข่ว"
หยิงโข่วต่างจากเมืองชายฝั่งส่วนใหญ่ที่หันหน้าออกสู่ทะเลทางทิศตะวันออก โดยตั้งอยู่ใน "เวิ้ง" อ่าวป๋อไห่ ทำให้ผู้คนสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินเหนือทะเลได้ครบทุกช่วง ลักษณะทางธรรมชาติที่โดดเด่นนี้ยังทำให้หยิงโข่วเป็นหนึ่งในไม่กี่ "เมืองชายฝั่งตะวันตก" ของจีนที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้ และถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
พื้นที่โดยรอบยังอุดมไปด้วยแหล่งทรัพยากรอันรุ่มรวย นักท่องเที่ยวสามารถชมความยิ่งใหญ่ของปากแม่น้ำต้าเหลียว เพลิดเพลินกับความงดงามทางนิเวศของพื้นที่ชุ่มน้ำหย่งหยวนเจี้ยว สำรวจแหล่งประวัติศาสตร์ป้อมตะวันตกซึ่งเป็นปราการชายฝั่งสมัยราชวงศ์ชิง และเดินทอดน่องตามถนนเก่าเหยียวเหอที่ยังคงร่องรอยวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์เก่าแก่นับร้อยปี นอกจากนี้ หยิงโข่วยังต่อยอดแบรนด์ "พระอาทิตย์ตกดิน" ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยการฟื้นฟูระบบนิเวศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงทรัพยากรที่หลากหลาย อาทิ การอพยพย้ายถิ่นของนก และบ่อน้ำพุร้อน เพื่อส่งเสริมการบูรณาการวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว พลิกโฉมฝั่งตะวันตกให้กลายเป็นแถบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมครบวงจรที่ผสานทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และการพักผ่อน ทำให้เสน่ห์ "พระอาทิตย์ตกดิน" กลายเป็นรหัสสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวของเมืองนี้
ที่มา: แผนกประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเทศบาลเมืองหยิงโข่ว