ผศ. นพ. อภิชาติ คณิตทรัพย์ กรรมการมูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จัดเป็น "ความตายเงียบ" และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของไทย คร่าชีวิตคนไทยกว่า 20,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 50 คน ซึ่งสูงกว่าโรคหลอดเลือดสมอง, โรคมะเร็งเต้านม, เบาหวาน หรืออุบัติเหตุบนท้องถนน แม้จะมีผู้ป่วยในประเทศ มากกว่า 3 ล้านคน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคนี้ ยังไม่รู้ว่าตนเองป่วย เนื่องจากความเข้าใจผิดว่า อาการเหนื่อยง่าย หอบ หรือหายใจติดขัด เป็นเพียงเรื่องของวัย หรืออาจเคยชินกับอาการที่เป็นมาอย่างยาวนาน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จึงเปรียบ เสมือน 'ภัยเงียบที่ใกล้กว่าที่คิด' ซึ่งกำลังพรากชีวิตคนไทยไปอย่างต่อเนื่อง การจัดงานในครั้งนี้จึงย้ำเตือนว่า การรู้ เท่าทันโรคและการเข้าถึงการตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ คือ กุญแจสำคัญ ที่จะช่วยปกป้องลมหายใจของทั้งผู้ป่วย และคนรอบข้าง"
ผศ. (พิเศษ) พญ. ณับผลิกา กองพลพรหม กรรมการฝ่ายวิชาการ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยฯ ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงสถิติที่แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและผลกระทบของภาวะกำเริบของโรคต่อชีวิตและระบบสาธารณสุข ของประเทศไทยว่า "เมื่อผู้ป่วย COPD มีอาการกำเริบเพียง 1 ครั้ง ย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพในระยะยาว กระทบทั้งปอด ทั้งหัวใจ และทั้งชีวิต โดยเฉลี่ยแล้ว ในแต่ละปีผู้ป่วยชาวไทยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ด้วยอาการ กำเริบ มากกว่า 1 ล้านคน ด้วยค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงถึง 80,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งที่อาการกำเริบนั้น จะทำให้การ ทำงานของปอดลดลง และที่น่าตกใจคือ อาการกำเริบแต่ละครั้งยัง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ขึ้นประมาณ 3 เท่า ยิ่งไปกว่านั้น ราวครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 3.6 ปี หลังอาการกำเริบครั้งแรก" พญ. ณับผลิกา เน้นย้ำว่า สถิติเหล่านี้คือเหตุผลสำคัญที่ทุกคนต้องตระหนักว่า "แค่เพียงหายใจที่เต็มปอดได้เต็มพลัง คือสิ่งมีค่าที่สุด ที่ไม่ควรถูกมองข้าม"
คุณโรมัน รามอส ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วันที่ 19 พฤศจิกายนของทุกปี คือวัน COPD โลก โดยในปีนี้มีคำขวัญว่า "หายใจติดขัด คิดถึง COPD" ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการสร้างตระหนักรู้ถึงโรคนี้ให้มากขึ้นทั่วโลก โรค COPD เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของโลก โดยมีสาเหตุหลักจากการสูบบุหรี่ ควันจากบุหรี่ไฟฟ้า ฝุ่น PM 2.5 และมลพิษทางอากาศ แต่กลับถูกละเลย ทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณ การวินิจฉัย และการรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ป่วย COPD ยังมีความเสี่ยงสูงต่อโรคอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย แอสตร้าเซนเนก้าเชื่อว่า "ทุกลมหายใจมีความหมาย" บริษัทจึงมุ่งมั่นทำงาน ร่วมกับ ผู้นำด้านสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายทั้งหมด เพื่อลดภาระของโรค COPD ต่อผู้คนและสังคม โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้ ส่งเสริมการวินิจฉัย ตั้งแต่ ระยะเริ่มต้นและขยายโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัยอย่างเท่าเทียม แอสตร้าเซนเนก้า ขอบคุณพันธมิตรภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ได้มาร่วมแสดงพลังในวันนี้ เพราะการลดภาระของโรค COPD ต่อผู้คนและสังคม จำเป็นต้องอาศัยการให้ความรู้ ความร่วมมือ และการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ร่วมกัน"
ภายในงาน WORLD COPD DAY 2025 ยังมีกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพปอด, การเสวนาจาก ผู้เชี่ยวชาญ และเกมส์ตอบคำถามสุขภาพ และมีคณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระดับแนวหน้าและผู้ทรงคุณวุฒิให้เกียรติเข้าร่วมงาน อาทิ นายเบน มอร์ลี่ย์ ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการแผนกธุรกิจและการค้า สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย, นพ. อภิญญา นิรมิตสันติพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และ นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ รองผู้อำนวยการ สำนัการแพทย์ โดยมี คุณเจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์ เป็นผู้ดำเนินรายการตลอดงาน