โดยในงานเสวนาได้รับเกียรติจาก คุณฟุมิฮิโกะ อิมามูระ CFA ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีฟินเทค จาก JPX คุณฉัตรชัย สินธพ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คุณ Nitzan Nachum ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ จาก BridgeWise ร่วมพูดคุย โดยมี คุณเคลวิน ฟัว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก BridgeWise ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการในครั้งนี้
เจาะลึก 3 เทรนด์ AI จากงานเสวนาออนไลน์ "How AI Is Transforming Stock Exchanges"
AI ยกระดับความเป็นธรรมและความโปร่งใสของตลาดทุน
คุณฉัตรชัย สินธพ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มนำระบบ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning มาใช้ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อยกระดับการเฝ้าระวังการซื้อขายในตลาด และตรวจจับความผิดปกติในธุรกรรมจำนวนหลายล้านรายการต่อวัน โดยในปี 2562 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขยายการใช้เทคโนโลยี AI ให้ครอบคลุมไปสู่การจำแนกกลุ่มนักลงทุน (Investor Segmentation) เพื่อให้ข้อมูลการลงทุนมีความเฉพาะตัวและตรงกับความต้องการของนักลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้การตัดสินใจลงทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
"เป้าหมายของเราคือการสร้างตลาดที่โปร่งใสและเป็นธรรมอยู่เสมอ" คุณฉัตรชัยกล่าว "ปัจจุบัน AI มีบทบาทสำคัญในการช่วยตรวจสอบและวิเคราะห์การเปิดเผยข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแลในขณะเดียวกัน"
"ขณะนี้เรากำลังพัฒนาโครงการทดสอบความเป็นไปได้ของการใช้ AI ในการ mapping งบการเงินกับมาตรฐาน taxonomy ข้อมูลตลาดทุน (Standardized capital market taxonomy) ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการเผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกทางการเงินรวดเร็วขึ้น และทำให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียม" คุณฉัตรชัย กล่าวเสริม
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯยังมีโครงการ Digital Supervisory Project (DSP) ซึ่งนำเทคโนโลยี AI มาช่วยวิเคราะห์เอกสารทางการเงินและข่าวสารมากกว่า 50,000 รายการต่อปีแบบ real-time พร้อมทั้งมีความร่วมมือกับ Nasdaq เพื่อยกระดับศักยภาพด้านการบริหารความเสี่ยงและระบบเฝ้าระวังด้วย AI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ปี พ.ศ. 2568-2570 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้แนวคิด "เพื่อส่วนรวมและความเท่าเทียม" (Fair and Inclusive Growth)
AI สร้างคุณค่าใหม่ และเปิดโอกาสในการลงทุนที่ถูกมองข้าม
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังพลิกโฉมวิธีที่ตลาดหลักทรัพย์สร้างคุณค่า โดยเปลี่ยนข้อมูลมหาศาลให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึก และต่อยอดสู่โอกาสทางการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม
"AI คือเครื่องมือแห่งความเท่าเทียม ที่ช่วยให้ทุกบริษัทจดทะเบียนไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ได้รับการวิเคราะห์ด้วยมาตรฐานเดียวกันกับสถาบันการเงิน และยังช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ในทุกภาษาอีกด้วย" คุณ Nitzan Nachum ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ จาก BridgeWise กล่าว
โซลูชัน AI ของ BridgeWise อาทิ Bridget(TM) และ StockWise ช่วยให้พาร์ทเนอร์ที่เป็นตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ สามารถวิเคราะห์บริษัทที่เคยถูกมองข้ามนับพันราย โดยเปลี่ยนข้อมูลที่ไม่เป็นระเบียบที่มีอยู่แล้วให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ ทั้งยังช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์เข้าใจแนวโน้มการลงทุนได้ลึกยิ่งขึ้น ดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ และสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ อีกด้วย
AI บทบาทในฐานะเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่มาแทนที่มนุษย์
ตลาดการเงินของญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างหลายรูปแบบ ตั้งแต่ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล งานเอกสารจำนวนมากในกระบวนการจดทะเบียน ไปจนถึงจำนวนนักวิเคราะห์ที่มีจำกัดในหลายบริษัท เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ เทคโนโลยี AI จึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่เข้ามาช่วยปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับปรุงกระบวนการเฝ้าระวังการซื้อขายในตลาด ลดงานซ้ำซ้อน และรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
คุณฟุมิฮิโกะ อิมามูระ CFA ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีฟินเทค จาก Japan Exchange Group (JPX) อธิบายว่า ความท้าทายที่แท้จริงอยู่ที่การจำกัดความเสี่ยงและการสร้างระบบอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุน AI เพื่อให้มั่นใจว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบ โดยคาดว่าการนำ AI มาปรับใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เสริมสภาพคล่องในตลาด และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกับกลุ่มสถาบันการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่ตลาดการเงินที่เป็นธรรมและมีพลวัตมากขึ้น
"เราไม่ได้เลือกระหว่าง AI หรือมนุษย์ แต่คือการผสานการทำงานจากทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม ในอนาคต ผมเชื่อว่ามาตรฐานใหม่ของตลาดจะเน้นให้ AI ทำหน้าที่คัดกรองและคำนวณข้อมูลขนาดใหญ่ ขณะที่มนุษย์ทำหน้าที่ชี้แนะแนวทางและตีความผลลัพธ์" CFA ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีฟินเทค จาก JPX กล่าวเสริม
ในช่วงท้ายของงานเสวนา เคลวิน ฟัว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก BridgeWise ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้สรุปภาพรวมโดยชี้ให้เห็นว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีสนับสนุนงานหลังบ้านอีกต่อไป แต่ได้ยกระดับบทบาทสู่การเป็นแนวหน้าที่ผลักดันการเติบโตและนวัตกรรมในตลาดการเงินทั่วโลก พร้อมกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดหลักทรัพย์ในยุค AI อย่างเต็มรูปแบบ
"AI กำลังปฏิรูปกระบวนการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่การเข้าถึงข้อมูล ไปจนถึงการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน" เคลวินกล่าว "ความร่วมมือระหว่าง JPX, ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ BridgeWise สะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมกันว่า เทคโนโลยีควรเป็นมากกว่าตัวช่วยเสริมประสิทธิภาพ แต่ต้องเพิ่มการมีส่วนร่วมและเปิดโอกาสให้นักลงทุนทุกระดับสามารถเข้าถึงข้อมูลคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม" เคลวินกล่าวเสริม
ทั้งนี้ BridgeWise ต่อยอดจากความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในเวทีสากล คว้ารางวัลจากสถาบันนานาชาติชั้นนำในฐานะผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้ AI เพื่อยกระดับโลกการลงทุน โดยได้รับการจัดอันดับให้ติด Top 100 ของ CB Insights และล่าสุดยังได้รับรางวัล ESGFinTech100 ประจำปี 2025 ซึ่งรวบรวมบริษัทฟินเทคระดับแนวหน้าที่พัฒนานวัตกรรมสอดคล้องกับหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
รางวัลเหล่านี้ตอกย้ำสถานะของ BridgeWise ในฐานะพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้ของสถาบันการเงินที่กำลังมองหาโซลูชันในการขับเคลื่อนประสิทธิภาพและความยั่งยืนผ่านนวัตกรรม AI
รับชมงานเสวนาออนไลน์ย้อนหลังได้ที่ลิงก์นี้: bit.ly/3WQnmev