นายเจษฎา จิตรหลัง ผู้อำนวยการ กยท.จ.ตรัง กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องที่ก่อให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ไม่เพียงสร้างความเดือดร้อนต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบรุนแรงต่อเกษตรกรชาวสวนยางในระยะยาวด้วย โดยสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงและฝนตกชุก ทำให้เกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้ตลอดช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ภายหลังน้ำลด ต้องใช้เวลาฟื้นฟูต้นยางก่อนจึงจะสามารถกลับมากรีดได้ ทำให้ผลผลิตยางพาราในพื้นที่ จ.ตรัง หายไปจากตลาดกว่า 82,000 ตัน ทั้งนี้ จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่ามีเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 2,674 ราย มีพื้นที่สวนยางเสียหาย 20,146 ไร่ (ข้อมูล ณ วันที่ 25 พ.ย. 68)
นายเจษฎา กล่าวต่อว่า เกษตรกรยังต้องเผชิญผลกระทบซ้ำซ้อนจากโรคใบจุดกลมที่มากับเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ โดยโรคใบจุดกลมเกิดจากเชื้อราคอลเลคโทตริกัม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลผลิตยางพาราลดลงกว่าร้อยละ 50 และทำให้ใบยางร่วงจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อผลผลิตยางในระยะยาวอย่างน้อย 2 เดือน ซึ่ง จ.ตรังมีพื้นที่ปลูกยางกว่า 1.1 ล้านไร่ ผลิตยางแห้งเฉลี่ยวันละ 2,750 ตัน จึงคาดว่าในช่วง 2 เดือนหลังจากนี้ ผลผลิตยางพาราในพื้นที่จะหายไปมากกว่า 165,000 ตัน โดยภายหลังน้ำลด กยท. จะเข้าไปให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการเร่งฟื้นฟูสวนยาง โดยใส่ปุ๋ยบำรุงร่วมกับการใช้น้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำ อัตราส่วน 1:200 ลิตร เพื่อช่วยฟื้นฟูต้นยางให้กลับมาแข็งแรงและสามารถกลับมากรีดได้ตามปกติโดยเร็ว และจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางและประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มกำลังต่อไป
กยท.จ.ตรัง ได้ลงพื้นที่มอบความช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวสวนยางและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ โดยจัดถุงยังชีพจำนวน 1,200 ชุด รวมมูลค่า 300,000 บาท บรรจุอาหารและสิ่งของจำเป็น กระจายไปยัง 8 อำเภอใน จ.ตรัง ได้แก่ อ.วังวิเศษ อ.ห้วยยอด อ.รัษฎา อ.เมืองตรัง อ.นาโยง อ.กันตัง อ.ปะเหลียน และ อ.ย่านตาขาว