Wonderfruit เทศกาลประจำปีสัญชาติไทยที่รวบรวมวัฒนธรรม ศิลปะ ดนตรี และธรรมชาติไว้ด้วยกัน ฉลองครบรอบ 10 ปีด้วยการจัดงาน 5 วัน ณ The Fields ที่ Siam Country Club สะท้อนเส้นทางแห่งการเติบโตด้าน Mind, Nature และ Sound ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 11 ถึง 15 ธันวาคม 2025 ที่แสดงถึงความสำเร็จจาการทดลองและการเรียนรู้ตลอดสิบปีที่เปลี่ยนพื้นที่ของ The Fields ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มวัฒนธรรมตลอดทั้งปี และเป็นภูมิทัศน์เชิงสร้างสรรค์ที่ฟื้นฟูตัวเองได้ นอกจากนี้ Wonderfruit ยังนำเสนอโปรแกรมและงานศิลปะติดตั้งพิเศษมากมายที่เฉลิมฉลองเส้นทางความสำเร็จตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และเผยทิศทางสำคัญของทศวรรษใหม่ที่กำลังจะมาถึง
พีท-ประณิธาน พระประภา ผู้ก่อตั้งเทศกาล เผยว่า "การมาถึงปีที่ 10 ของ Wonderfruit เป็นทั้งความรู้สึกซาบซึ้งและการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อผืนดินและชุมชนแห่งนี้ ผมรู้สึกขอบคุณพลัง ความคิดสร้างสรรค์ และความใส่ใจจาก Wonderers ทุกคนที่ร่วมกันทำให้ Wonderfruit เติบโตจากงานหนึ่งครั้งกลายเป็นแพลตฟอร์มวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาในวันนี้ ทุกๆ ปีผู้คนหลายหมื่นคนเดินทางมาที่ The Fields เพื่อช่วยสนับสนุนโรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจเล็กๆ ในท้องถิ่น และแรงงานในชุมชน ขณะเดียวกันพื้นที่กว่า 500 ไร่ของเราก็ได้รับการดูแลผ่านการฟื้นฟูระบบนิเวศและการทำเกษตรแบบวงจรปิดอย่างต่อเนื่อง"
พีทกล่าวต่อว่า "ปีนี้เราได้ปลูกต้นไม้พันธุ์ท้องถิ่นเพิ่มอีก 5,000 ต้น และพืชริมน้ำอีก 1,000 ต้น ต่อยอดจากต้นไม้กว่า 30,000 ต้นที่เติบโตอยู่แล้วใน Ancestral Forest ทั้งหมดนี้คือก้าวสำคัญในการพัฒนา The Fields ให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ ทดลอง และหมุนเวียนทรัพยากรอย่างยั่งยืนตลอดทั้งปี พื้นที่ถาวรอย่าง Living Village ที่ได้รับการออกแบบใหม่โดย Design Qua รวมถึง Molam Theatre และ Baan Bardo จะกลายเป็นพื้นที่สำหรับโปรแกรมเรสซิเดนซีและเวิร์กช็อปต่างๆ ตลอดทั้งปี โดยเสริมด้วยระบบบาร์แบบ zero-waste ที่รวมไปถึงการขยายระบบปุ๋ยหมัก และความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและศิลปินไทยในการสร้างโครงสร้างที่สามารถคงอยู่ต่อไปหรือคืนสู่ผืนดินได้อย่างเป็นธรรมชาติ ต้นไม้ทุกต้นที่ปลูก ทุกพิธีกรรมที่เราแบ่งปันกัน และทุกเสียงที่ก้องกังวานในพื้นที่แห่งนี้ คือคำเชิญชวนให้เชื่อมโยงกับผืนดินและกันและกันอย่างลึกซึ้งและมีความหมายยิ่งขึ้น"
ด้านล่างคือ 10 ไฮไลต์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเทศกาล Wonderfruit ในปีนี้และสะท้อนความสำเร็จครบรอบทศวรรษ แสดงถึงการทดลองด้าน Mind, Nature และ Sound ที่หลอมรวมกับพื้นที่ พิธีกรรม และประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ The Fields อย่างลงตัว
การขยายพื้นที่ป่า
ความพยายามในการคืนพื้นที่ป่าของ Wonderfruit ปรากฏให้เห็นทั่วทั้งพื้นที่ 10 ปีหลังจากเริ่มปลูกต้นกล้าชุดแรก วันนี้ Ancestral Forest ได้เติบโตเป็นระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยวิธี Miyawaki รวมพันธุ์ไม้พื้นถิ่นกว่า 46 ชนิดและขยายผลจนมีพืชมากกว่า 200 ชนิดที่เจริญเติบโตในพื้นที่เดียวกัน การขยายพื้นที่ The Fields ไปสู่ป่ายางนาและเขตวนเกษตรยังสร้างเส้นทางธรรมชาติ ที่เอื้อต่อความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงปรากฏการณ์ช่องว่างยอดต้นไม้ (crown shyness) อันสวยงามที่พบได้ยากอีกด้วย
ระหว่างงานผู้ร่วมเทศกาลสามารถเดินชมเส้นทางสีเขียว ปลูกต้นกล้าใหม่ และเรียนรู้ระบบการเกษตรแบบวงจรปิดที่ช่วยหล่อเลี้ยงครัวของ Wonderfruit ตลอดทั้งงาน ส่วน Forest Stage ที่ซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในป่าก็ได้ศิลปินอย่าง Mark de Clive-Lowe x MSCTY_Studio, Kenta Hayashi x Dragon Sound และ Modern Biology ร่วมกับ Merlin Sheldrake ช่วยเปลี่ยนป่าให้กลายเป็นพื้นที่ฟังดนตรีอย่างแท้จริง
Baan Bardo
Baan Bardo คือผลงานออกแบบโดยศิลปินไทย วิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์ เปิดตัวครั้งแรกในฐานะศาลาเคลื่อนที่และเขาวงกตแบบคิเนติกที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ร่วมงาน ในเวลากลางวันพื้นที่นี้เปิดให้ผู้คนเข้าร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวตามร่างกาย เสวนาธรรม และพิธีกรรมด้านประสาทสัมผัสต่างๆ โดย Dhyana ขณะที่ยามค่ำคืน Baan Bardo เปลี่ยนบรรยากาศเป็นพื้นที่สำหรับไลฟ์ดีเจเซตกับดนตรีผสมผสานหลากหลายแนว ที่คัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดย ROVR ภายในงานยังมีศิลปินมากมายผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวที อาทิ ดีเจเซตยาว 6 ชั่วโมงจาก Theo Parrish, การแสดงของ The Vegetable Orchestra และ Daniel Brandt รวมถึงพื้นที่สำหรับเสวนา การทำสมาธิ และการแสดงศิลปะ ตัวโครงสร้างที่ประกอบด้วยแผงและโครงโลหะที่เคลื่อนย้ายได้สะท้อนความมุ่งมั่นด้านสถาปัตยกรรมของ Wonderfruit ที่ต้องการสร้างชิ้นงานซึ่งเติบโตและกลมกลืนไปกับธรรมชาติอย่างมีชีวิตชีวา
Gathering Tables โดย พินรี สัณฑ์พิทักษ์
ภายใน Ancestral Forest ยังมีผงลานของศิลปินและประติมากรชื่อดังของไทย พินรี สัณฑ์พิทักษ์ ที่สร้างชุดโต๊ะโลหะและหินสลักวางเรียงรายใต้ร่มไม้ในชื่อว่า Gathering Tables Wonderfruit ออกแบบมาเพื่อเชื้อเชิญให้ Wonderers มานั่งรับประทานอาหาร แบ่งปันช่วงเวลาเล็กๆ ร่วมกัน เข้าร่วมพิธีกรรมง่ายๆ แบบชุมชน เข้าร่วมดินเนอร์การกุศลในบรรยากาศใกล้ชิด และเปิดโอกาสให้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ผลงานชิ้นนี้ซึ่งกลายเป็นส่วนถาวรของ The Fields ที่สะท้อนแนวคิดของ Wonderfruit ในการใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงผู้คน กระตุ้นให้ทุกคนค่อยๆ ชะลอจังหวะชีวิตและเชื่อมต่อกันอย่างแท้จริง เป็นพื้นที่ที่ผู้มาเยือนสามารถย้อนกลับมาใช้เวลาร่วมกันหลังจบเทศกาล
Haan Molam
ท่ามกลางพื้นที่ Molam World เวที Haan Molam ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวัฒนธรรมอีสานอย่างเต็มรูปแบบ ต้อนรับทั้งศิลปินหมอลำระดับตำนานและศิลปินรุ่นใหม่ที่ผลัดกันขึ้นแสดง ไม่ว่าจะเป็น Paradise Bangkok Molam International Band นักร้องหมอลำรุ่นใหญ่ รุ่งฟ้า กุลชัย รวมถึงดีเจรับเชิญอย่าง DJ Krush อยู่ติดกับ Molam Bus หอชมทุ่ง และร้านอาหารท้องถิ่นที่นำเสนอรสชาติจากภูมิภาคต่างๆ Haan Molam แห่งใหม่ออกแบบโดย PO-D Architects ในรูปแบบอาคารไม้อเนกประสงค์ที่ตีความวิธีการก่อสร้างแบบอีสานดั้งเดิมให้ร่วมสมัย พร้อมสะท้อนโครงสร้างสังคมพื้นบ้านที่เปิดกว้าง นำวัฒนธรรมดนตรีหมอลำที่เก่าแก่หลายร้อยปีมาไว้ใจกลาง The Fields เคียงคู่ดนตรีรากเหง้าจากทั่วโลกอย่างกลมกลืนและมีชีวิตชีวา
Wellness by Day
Wonderness พัฒนากลายเป็น Torus Energy Field ที่รวบรวมเวิร์กช็อปและพิธีกรรมมากกว่า 100 รายการไว้ด้วยกัน ตั้งแต่การบำบัดด้วยคลื่นความถี่โดยพระเซนใน Quantum Deep Healing Sound Bath & Light Breathing Meditation ไปจนถึง Boxing Mastery กับ บอส ชัยพฤกษ์, เวิร์กช็อป The Art of Intimacy: A Tantric Approach to Connection และ Spin, Jump & Dance: Hula Hoop Movement Meditation กิจกรรมช่วงกลางวันถูกออกแบบมาเพื่อนำผู้เข้าร่วมเข้าสู่การสำรวจภายในตัวเอง พร้อมช่วยให้รู้สึก เชื่อมโยงกับผืนดินของ The Fields มากขึ้น ส่วนกิจกรรมอย่างการเดินทางย้อนอดีตชาติโดยผู้นำทาง การอ่านไพ่ทาโรต์ และการทำสมาธิผ่านการบำบัดด้วยเสียงยังชวนให้หยุดนิ่งเพื่อสะท้อนความคิดภายในอย่างลึกซึ้ง
Medicinal Plant Journeys
Medicinal Plant Village แห่งใหม่แสดงถึงภูมิปัญญาด้านพืชสมุนไพรแบบดั้งเดิมของไทยโดยมี พี่แดงผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเป็นผู้นำเวิร์กช็อปเกี่ยวกับพืชท้องถิ่น และพิธีกรรมการเยียวยาด้วยสมุนไพร นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับ TeaRoom Art Collective และหมอสมุนไพรรับเชิญในการจัดกิจกรรมสอนทำทิงเจอร์ การเดินสำรวจพืช และพิธีกรรมสูบใบชา ผู้เข้าร่วมสามารถลิ้มลองเครื่องดื่มสมุนไพรสูตรต่างๆ ได้ที่ Blue Lotus Tea House พร้อมเรียนรู้ว่าครัวของ Wonderfruit เลือกใช้วัตถุดิบที่ปลูกในพื้นที่อย่างไร
Solar Sunrise
Solar Village ทำหน้าที่เป็นทั้งศูนย์กลางด้านสถาปัตยกรรมและด้านดนตรี ที่ขับเคลื่อนด้วยวงจรของดวงอาทิตย์ โครงสร้างไม้แบบโมดูลาร์ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 แห่งนี้ได้กลายเป็นจุดนัดที่ Wonderers เดินทางมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองจังหวะชีวิตไปพร้อมกับแสงที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปในแต่ละวัน วงดนตรีและดีเจหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น Tama Sumo & Lakuti, FKJ (ดีเจเซต), Kerala Dust และ Axel Boman สร้างบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองในยามพระอาทิตย์ขึ้น ต่อเนื่องด้วยการแสดงสดหลังพระอาทิตย์สูงขึ้น ที่ช่วยปรับอารมณ์ให้ค่อยๆ เข้าสู่จังหวะที่ช้าลงของวัน
Creature Stage และการแสดงต่างๆ
Creature Stage คือพื้นที่ที่ Wonderfruit สร้างขึ้นเพื่อการเล่าเรื่องผ่านการแสดงสด ที่ศิลปินจากนานาชาติ ผู้บุกเบิกระดับภูมิภาค และและเพชรน้ำงามจากไทยนำซาวนด์ดนตรี ดินแดนต่างๆ และวัฒนธรรมที่หลากหลายมาผสานกับการเต้นและดนตรี ปีนี้โครงสร้างของเวทีถูกขยายออก เพิ่มวงแหวนชั้นใหม่ที่โอบล้อมเวทีหลัก ทำให้การเชื่อมโยงระหว่างเสียงดนตรี แสง และการเคลื่อนไหวมีมิติที่ลึกขึ้น ภายในลานแสดงรูปทรงวงกลมที่เหมือนมีชีวิต เสียงจะเคลื่อนตัวไปได้ทุกทิศทาง และผู้ชมเองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง พร้อมการแสดงสดของศิลปินอย่าง Vanishing Twin, m?m, Minyo Crusaders, JPBS x DuckUnit และ Hatis Noit & Orly Anan ที่เติมเต็มพื้นที่ด้วยซาวนด์และเรื่องราวหลากหลายมิติ เปลี่ยนเวทีหมุนเวียนให้เป็นสนามทดลองของทั้งศิลปินและผู้ชม
Sonic Minds
โครงการ Sonic Minds ของ Wonderfruit ยังคงขยายขอบเขตอย่างต่อเนื่อง และเปลี่ยนพื้นที่อย่างห้องน้ำ สะพาน และมุมต่างๆ ทั่วงานให้กลายเป็นพื้นที่ฟังดนตรี พร้อมศิลปะการจัดวางเสียงจาก MSCTY_Studio ที่สำรวจว่าความถี่บางคลื่นส่งผลต่อความเป็นอยู่และความทรงจำของเราอย่างไร ขณะที่ศิลปินอย่าง Shook, Elsa Hewitt และ Scanner ผลัดกันแสดงในหลายเวทีและหลากหลายพื้นที่ของงาน ในปีนี้มีไฮไลต์ใหม่อย่าง Music for Rest Rooms ที่บรรเลงในห้องน้ำทั่ว The Fields เชื้อเชิญให้ผู้เข้าร่วมงานหยุดฟังบทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นเฉพาะกิจโดยเหล่าคอลแลบอเรเตอร์ของ Sonic Minds รวมถึงผลงานเด่นจาก Yumiko Morioka ที่ทำร่วมกับ MSCTY_Studio เปลี่ยนช่วงเวลาพักสั้นๆ ให้กลายเป็นพิธีกรรมการฟังที่อ่อนโยนและเชื่อมโยงกับความรู้สึกอย่างลึกซึ้ง
Wandering Kitchen
นวัตกรรมด้านอาหารยังคงเป็นหัวใจสำคัญของประสบการณ์ Wonderfruit โดยในปี 2025 ได้มีการเปิดตัว The Wandering Kitchen เป็นครั้งแรกในฐานะต้นแบบครัวเคลื่อนที่สำหรับการทำอาหาร การรวมกลุ่มสังสรรค์ และการสร้างสรรค์แบบด้นสด ที่เกิดขึ้นมาจากการพบกันของเชฟ Antto Melasniemi และ Lynn Visudharomn ที่ Indigo World และถูกออกแบบและสร้างโดย LERT DEPARTMENT ให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบและเคลื่อนย้ายได้อย่างคล่องตัว ศาลาอาหารบนล้อหลังนี้จะปรากฏตามจุดต่างๆ ใน The Fields โดยรายได้จากการขายอาหารทั้งหมดถูกนำไปสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหาดใหญ่ Wonder Kitchen ขนาด 120 ที่นั่งนำเสนอประสบการณ์เชฟส์เทเบิลโดยเชฟ Deepanker Khosla และทีมเชฟรับเชิญ ขณะที่ Open Kitchen นำเสนอการทำอาหารสไตล์โฮมเม้ด และโครงการที่ขับเคลื่อนโดยผู้หญิง
การจัดงานครบรอบ 10 ปีครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการเดินทางตลอดทศวรรษของ Wonderfruit ส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวของชลบุรีและประเทศไทยอย่างมาก จากรายงานผลกระทบ Wonderfruit 2024 ผู้ร่วมงานต่างชาติใช้เวลาพำนักในไทยเฉลี่ย 7.7 วัน และใช้จ่ายประมาณ 120,000 บาทต่อคนสำหรับผู้ที่พักในงาน หรือ 67,000 บาทต่อคนสำหรับผู้ที่พักในบริเวณใกล้เคียง สร้างรายได้รวม 710.73 ล้านบาท และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสูงถึง 411.83 ล้านบาท นอกจากนี้ งานยังดึงดูดผู้เข้าร่วมกว่า 140 สัญชาติ และสร้างงานให้คนในพื้นที่ โดยมีทีมงานด้านโปรดักชัน ก่อสร้างและปฏิบัติการรวมกว่า 4,500 คน
ด้วยความร่วมมือระยะยาวกับเมืองพัทยา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Wonderfruit ยังคงเสริมความแข็งแกร่งให้จังหวัดชลบุรีในฐานะจุดหมายที่ศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติผสานกันอย่างมีเอกลักษณ์
การจัดงานปีที่ 10 ปิดฉากลงพร้อมวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับทศวรรษถัดไป โดย Wonderfruit เตรียมพัฒนา The Fields ให้เป็นแคมปัสด้านวัฒนธรรมและนิเวศวิทยาตลอดทั้งปี พร้อมกิจกรรมปลูกป่า การทำเกษตรแบบวงจรปิด และการสร้างพื้นที่ถาวรเพิ่มเติมจากวัสดุธรรมชาติ นอกเหนือจาก Ancestral Forest แผนงานที่จะเกิดขึ้นใหม่ยังรวมถึงทางเดินป่า สวนสมุนไพรที่เป็นยา และแอมปิเธียเตอร์ Living Village โฉมใหม่ ขณะเดียวกัน Haan Molam, Unconditional Space และศาลาต่างๆ จะกลายเป็นห้องทดลองตลอดปีสำหรับศิลปินในโครงการเรสซิเดนซี การเสวนา และการทดลองด้านเสียงผ่านโปรแกรมอย่าง FieldChapters นอกจากนี้ห้องพัก Slow Wonder จะเปิดต้อนรับแขกตลอดทั้งปี และโครงการออกแบบเชิงหมุนเวียนใหม่ๆ จะเชื่อมโยงวัสดุท้องถิ่นเข้ากับสถาปัตยกรรม ศิลปะ และประสบการณ์ด้านอาหาร เพื่อให้ศิลปะ ธรรมชาติ และชุมชนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนในระยะยาว
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.wonderfruit.co
เกี่ยวกับ Wonderfruit
Wonderfruit จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนธันวาคม โดยเป็นเทศกาลเฉลิมฉลอง 5 วันแห่งศิลปะ ดนตรี อาหาร และแนวคิด ณ The Fields สยามคันทรีคลับ จัดโดยบริษัท Scratch First จากประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างพื้นที่ที่เชื่อมโยงชุมชนที่หลากหลาย ผ่านประสบการณ์ที่ผสมผสานนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการพัฒนาสังคมไปพร้อมกัน ผ่านประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ รวมถึงการแสดง เวิร์คช็อป งานศิลปะจัดวาง และอาหาร นอกจากนี้ Wonderfruit ยังได้ส่งเสริมชุมชนและความคิดสร้างสรรค์ สร้างพื้นที่แห่งความอัศจรรย์ใจ ที่ Wonderfruit วัฒนธรรมคือสิ่งผลักดันการเติบโต ในฐานะแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนตลอดทั้งปี Wonderfruit ได้ดึงดูดผู้สนใจใคร่รู้ผ่านการเชื่อมโยงระหว่างศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และความสัมพันธ์ที่มีความหมายต่อจิตใจและธรรมชาติ