- กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
บุคคลบางกลุ่มมีความเปราะบางและต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพมากเป็นพิเศษในการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่:
- ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว
- เด็กเล็กและสตรีมีครรภ์
- ผู้ที่ไม่เคยตรวจสุขภาพมาก่อน (กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ เพราะอาจไม่รู้ว่าตนเองมีภาวะแฝงอะไรบ้าง)
ดังนั้น จึงขอแนะนำให้ "ตรวจสุขภาพก่อนการเดินทาง" เพื่อประเมินความเสี่ยงที่แท้จริงและรับคำแนะนำในการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง
- วัคซีนพื้นฐานที่จำเป็น
ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด การสร้างภูมิคุ้มกันพื้นฐานให้ครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ควรได้รับวัคซีนดังต่อไปนี้:
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่: ควรฉีดกระตุ้นปีละ 1 ครั้ง
- วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (dTAP): ควรฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี
- วัคซีนหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR): สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคหรือได้รับวัคซีนไม่ครบ
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A): แนะนำเป็นพิเศษ เนื่องจากโรคติดต่อผ่านอาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด ซึ่งเป็นความเสี่ยงหลักของนักเดินทาง
- วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B): ติดต่อผ่านเลือดและสารคัดหลั่ง ป้องกันไว้เผื่อกรณีเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินหรือเจ็บป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในต่างแดน
- วัคซีนเฉพาะกลุ่มเสี่ยง: เช่น วัคซีนงูสวัด (Shingles) และวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ(Pneumococcal) แนะนำสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง
- วัคซีนเฉพาะทางของแต่ละประเทศ
นอกจากวัคซีนพื้นฐานแล้ว ควรพิจารณาฉีดวัคซีนเพิ่มเติมตามความเสี่ยงของโรคในแต่ละประเทศปลายทาง ดังนี้:
- เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา): ควรพิจารณาฉีด วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ โดยเฉพาะหากมีแผนรับประทานอาหารริมทาง (Street Food) หรือเดินทางในพื้นที่ชนบท
- แอฟริกาและอเมริกาใต้: "จำเป็น" ต้องฉีด วัคซีนไข้เหลือง (Yellow Fever) ซึ่งบางประเทศกำหนดให้ผู้เดินทางต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีน จึงจะสามารถเข้าประเทศได้ (แนะนำเพิ่มเติม: ควรพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า แบบป้องกันล่วงหน้าหากมีแผนการเดินทางที่ต้องใกล้ชิดหรือสัมผัสกับสัตว์)
- ยุโรปและสหรัฐอเมริกา: เน้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะการเดินทางในช่วงฤดูหนาวที่มีการระบาดสูง
- ตะวันออกกลาง: หากเดินทางไปแสวงบุญหรือเยี่ยมเยียนญาติ ควรตรวจสอบข้อกำหนดเรื่อง วัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningococcal Vaccine) ซึ่งบางประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย มีข้อบังคับให้ฉีดในช่วงประกอบพิธีฮัจญ์
- การวางแผนฉีดวัคซีนและปรึกษาแพทย์
เพื่อให้วัคซีนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์หรือคลินิกเวชศาสตร์การเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ก่อนเดินทาง โดยมีระยะเวลาที่ควรคำนึงถึงดังนี้:
- วัคซีนทั่วไป: ควรฉีดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเดินทาง เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ทัน
- วัคซีนพิษสุนัขบ้า: กรณีฉีดเพื่อป้องกันแบบล่วงหน้า (Pre-exposure prophylaxis) อาจจำเป็นต้องฉีดให้ครบ 3 เข็มในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 21 วัน จึงควรเผื่อเวลาให้มากกว่าวัคซีนชนิดอื่น
- เตรียมพร้อมก่อนบิน: ยา ประกัน และข้อมูล
นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว การเตรียมตัวด้านอื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน:
- ยาประจำตัวและใบรับรองแพทย์: เตรียมยาโรคประจำตัวให้เพียงพอ และควรพกใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate) ภาษาอังกฤษกำกับไปด้วย โดยเฉพาะยาแก้ปวดหรือยาจิตเวช ที่มีส่วนผสมของสารควบคุม รวมถึงควรพกยาสามัญประจำบ้านติดตัวไปด้วย
- ประกันสุขภาพ: ควรทำประกันสุขภาพการเดินทาง (Travel Insurance) เพื่อความอุ่นใจหากเกิดการเจ็บป่วยฉุกเฉิน
- เช็คสภาพแวดล้อม: ตรวจสอบสภาพอากาศและสถานการณ์โรคระบาดในพื้นที่ที่จะไป เพื่อเตรียมอุปกรณ์ป้องกันได้อย่างเหมาะสม
- การดูแลสุขอนามัยระหว่างเดินทาง
เมื่ออยู่ต่างแดน การ์ดอย่าตก เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโรค:
- จดจำเบอร์โทรฉุกเฉิน (Emergency Call): ควรบันทึกเบอร์ฉุกเฉินของประเทศปลายทางไว้ในโทรศัพท์
- ยึดหลัก "กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ": ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
- สวมหน้ากากอนามัย: เมื่อต้องอยู่ในพื้นที่แออัด หรือพื้นที่สาธารณะที่มีผู้คนพลุกพล่าน
บทสรุป: สุขภาพที่ดี คือการท่องเที่ยวที่ราบรื่น
การเจ็บป่วยระหว่างเดินทางไม่เพียงทำให้แผนเที่ยวสะดุด แต่ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว การตรวจสุขภาพ การฉีดวัคซีนและการเตรียมตัวที่ดีจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและคนรอบข้าง
ศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลนวเวช พร้อมดูแลด้วยมาตรฐานระดับสากล:
- AACI (American Accreditation Commission International): รับรองคุณภาพมาตรฐานสากลจากสหรัฐอเมริกา (ค.ศ. 2025)
- AACI Clinical Excellence Certification Maternity Services: ความเป็นเลิศด้านสตรีมีครรภ์ (ค.ศ. 2025)
- ISO 7101:2023: การบริหารจัดการองค์กรพยาบาล
- ISO 9001:2015: ระบบบริหารงานคุณภาพ
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ โรงพยาบาลนวเวช โทร. 1507 I Line: @navavej