ปริมาณธุรกรรมขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนการพึ่งพาระบบดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
เดือนพฤศจิกายน 2568 มียอดธุรกรรมพร้อมเพย์รวมทั้งสิ้น 2.26 พันล้านรายการ เพิ่มขึ้นจาก 2.00 พันล้านรายการ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตราการเติบโต 13% เมื่อเทียบรายปี (YoY) ขณะที่มูลค่าธุรกรรมรวมอยู่ที่ 4.19 ล้านล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 4.22 ล้านล้านบาท ในปีก่อนหน้า คิดเป็นการเปลี่ยนแปลง -1% YoY ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้ยังคงทำธุรกรรมในความถี่ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกรรมรายย่อยในชีวิตประจำวัน ทั้งการโอนเงินระหว่างบุคคล (P2P) การชำระค่าสินค้าและบริการออนไลน์ และการใช้จ่ายของผู้ประกอบการรายย่อย
ยอดการลงทะเบียนแตะ 81.98 ล้านเลขหมาย
ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2568 ยอดการลงทะเบียนพร้อมเพย์รวมอยู่ที่ 81.98 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น
ภาคประชาชน: 81.59 ล้านเลขหมาย
ภาคธุรกิจ: 0.39 ล้านเลขหมาย
ยอดการลงทะเบียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ใช้ในระบบการโอนและรับเงินแบบเรียลไทม์ที่มีความสะดวก ปลอดภัย และต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ธุรกิจรายย่อย และแรงงานอิสระ ที่ใช้พร้อมเพย์เป็นเครื่องมือหลักในการบริหารสภาพคล่อง
วันที่มียอดธุรกรรมสูงสุดของเดือนพฤศจิกายน 2568
เดือนพฤศจิกายน 2568 มียอดธุรกรรมสูงสุดอยู่ที่ 76.91 ล้านรายการ ในวัน เสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งอยู่ในช่วงรอยต่อปลายเดือน-ต้นเดือน และเป็นช่วงที่มีการโอนเงินค้างจากรอบสิ้นเดือน รวมถึงกิจกรรมการใช้จ่ายและชำระเงินของภาคธุรกิจและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าพร้อมเพย์ยังคงเป็นระบบชำระเงินหลักที่ผู้ใช้เลือกใช้ในทุกช่วงเวลา Cross-Border QR Payment เติบโตโดดเด่น รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยว บริการ Cross-Border QR Payment ขาเข้า (Inbound) ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีมูลค่าธุรกรรมรวม 658.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 250.75 ล้านบาท ในเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 163% YoY การเติบโตดังกล่าวสะท้อนถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หันมาใช้การชำระเงินผ่าน QR ข้ามพรมแดนมากขึ้น เนื่องจากความสะดวก ความปลอดภัย และความคุ้นเคยกับการใช้งานในประเทศต้นทาง
ประเทศที่มีมูลค่าธุรกรรมสูงสุด 3 อันดับแรก ประจำเดือนพฤศจิกายน 2568
1.จีน - 265.75 ล้านบาท
2.มาเลเซีย - 198.68 ล้านบาท
3.ลาว - 64.54 ล้านบาท
จีนก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีมูลค่าธุรกรรมขาเข้าสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน เป็นผลมาจากการ ขยายความร่วมมือด้านการเชื่อมต่อระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้งานจากประเทศจีนสามารถใช้แอปพลิเคชันชำระเงินในประเทศของตน สแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการในประเทศไทยได้อย่างสะดวกและราบรื่นมากยิ่งขึ้น ความพร้อมของระบบดังกล่าวช่วยลดอุปสรรคในการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน ทั้งในด้านความคุ้นเคยของช่องทางการชำระเงิน ความปลอดภัย และความสะดวกในการแปลงสกุลเงิน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของการเชื่อมต่อระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนในการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทยในระยะต่อไป
NITMX ยังคงมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินให้มีความทันสมัย ปลอดภัย และรองรับการขยายตัวของธุรกรรมทั้งในประเทศและข้ามพรมแดน เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและภาคการท่องเที่ยวของไทยอย่างยั่งยืน
สามารถติดตามข้อมูลการใช้งานพร้อมเพย์ในประเทศต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ผ่านทาง https://www.bot.or.th/th/financial-innovation/digital-finance/digital-payment/cross-border-payment.html#connectivites-item-cad0596d91