เซนต์คิตส์และเนวิสได้ริเริ่มโปรแกรม CBI ในปีพ.ศ. 2527 โดยได้เข้ามาดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นเวลาเกือบ 4 ทศวรรษแล้ว จนได้รับการยอมรับว่าเป็น "มาตรฐานระดับแพลทินัม" ผู้ที่ต้องการขอสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิสจำเป็นต้องลงทุนในกองทุน Sustainable Growth Fund (SGF) ในวงเงินตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ กองทุนดังกล่าวจัดตั้งขึ้นในปี 2561 โดยทิโมธี แฮร์ริส นายกรัฐมนตรี และได้รับการยอมรับว่าเป็นช่องทางการขอสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิสที่รวดเร็วและง่ายดายที่สุด
เมื่อผู้ขอสัญชาติผ่านการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะหลายขั้นตอน ทั้งการตรวจสอบภายในและภายนอกแล้ว ผู้นั้นก็จะได้สัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิสตลอดชีวิต พร้อมสิทธิในการใช้ชีวิต ทำงาน และเรียนในประเทศนี้ ผู้ที่ถือสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิส ยังเดินทางไปได้ถึง 156 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ซึ่งมีศูนย์กลางธุรกิจชั้นนำรวมอยู่ด้วย ทั้งยังมีทางเลือกในการลงทุน และสามารถส่งต่อสัญชาติให้ลูกหลานได้ด้วยเช่นกัน
นักลงทุนที่เลือกอาศัยอยู่ในเซนต์คิตส์และเนวิสอุ่นใจได้ว่า พวกเขากำลังใช้ชีวิตอยู่ในชาติประชาธิปไตยที่มุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิต เซนต์คิตส์และเนวิสมีอัตราอาชญากรรมต่ำและมีเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้พลเมืองรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เซนต์คิตส์และเนวิสยังครองอันดับหนึ่งของภูมิภาคในดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม (Rule of Law) ในหมวดความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง และกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง
มิชา เอ็มเม็ตต์ ซีอีโอของ CS Global Partners ได้พูดถึงความสำคัญเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองว่า "เมื่อปีที่ผ่านมา ขณะที่ทั้งโลกเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์ หลายคนต้องติดอยู่ในประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ความสะดวกสบายในการมีสัญชาติที่สองและโอกาสในการเดินทางไปประเทศที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยและมั่นคงจากการมีรัฐบาลที่มั่นคงและเฉลียวฉลาดจึงเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เราเล็งเห็นว่าเซนต์คิตส์และเนวิสโดดเด่นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับรัฐบาลหลาย ๆ ประเทศ เมื่อว่ากันในเรื่องความอุ่นใจที่มอบให้กับครอบครัว"
เมื่อพื้นที่บางส่วนของภูมิภาคต้องเผชิญกับความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผลพวงจากเหตุประท้วงในฮ่องกงเมื่อปีที่ผ่านมายังคงอยู่ในความทรงจำของหลายคน บุคคลผู้มีความมั่งคั่งสูงจึงหันไปมองหาตัวเลือกอื่นในการคุ้มครองอนาคต ทรัพย์สิน และครอบครัวของตนเอง
+447867942505, [email protected], www.csglobalpartners.com