ขณะเดียวกันธนาคารยังได้ทยอยตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงถึง 100,502 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจาก COVID-19 ในอนาคต หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 183% สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและความพร้อมในการรองรับผลกระทบจาก COVID-19 ในอนาคต และถือเป็นสถาบันการเงินของรัฐแห่งแรกที่มีการตั้งสำรองในระดับสูงเกิน 100,000 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 15.60% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 3,300 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ยังกล่าวถึงความสำเร็จในการยกระดับการพัฒนาบริการด้านดิจิทัลทั้งบริการทางการเงินและสินเชื่อผ่าน Application : GHB ALL ภายใต้ โครงการ G H Bank New Normal Services ที่เริ่มให้บริการตามแผนของโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2563 และปัจจุบันมีบริการรวมทั้งสิ้น 15 บริการ ประกอบด้วย 1.ซื้อ-ตรวจ สลากออมทรัพย์ ธอส.ดิจิทัล 2.ใบเสร็จรับชำระเงินกู้ 3.ขอ Statement เงินฝาก 4.จองคิวทำธุรกรรมที่สาขาได้ล่วงหน้า 5.เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว 6.ผ่อนดาวน์ทรัพย์ NPA 7.เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ 8.กู้เพิ่มเพื่อชำระหนี้ที่อยู่อาศัยและ NCB Request (e-Consent) 9.หนังสือรับรองเพื่อเบิกค่าเช่าบ้าน 10.หนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้ 11.หนังสือรับรองภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก 12.ขอสำเนาเอกสารสัญญากู้/จำนอง/โฉนด 13.นัดรับโฉนด 14.สมัคร Application : GHB ALL ด้วยตัวเอง 15.การโอนเงินเข้าบัญชีอัตโนมัติหลังทำนิติกรรม และจะเพิ่มบริการใหม่อีก อาทิ การแจ้งข้อมูลระยะเวลาคุ้มครองประกันอัคคีภัย การชำระค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย และปลดล็อก Application : GHB ALL โดยไม่ต้องไปสาขา (กรณีเปลี่ยนเครื่อง/เปลี่ยนซิม) เพื่อยกระดับสู่การเป็น Digital Service Bank ในปี 2564 และก้าวเป็น Digital Bank เต็มรูปแบบในปี 2566 และล่าสุดธนาคารยังเตรียมเปิดช่องทางการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่บน Application LINE โดยใช้ชื่อว่า GHB Buddy ซึ่งจะทำหน้าที่แจ้งเตือนความเคลื่อนไหวบัญชีของลูกค้าเป็นรายบุคคลในธุรกรรมฝาก-ถอน-โอน-ชำระเงินกู้-เตือนชำระเงินกู้-ถูกรางวัลสลากออมทรัพย์ และจะเริ่มเปิดให้บริการภายในเดือนเมษายน 2564
ขณะเดียวกันธนาคารยังได้จัดทำโครงการ G H Bank Smart NPL เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการประนอมหนี้ สำหรับลูกหนี้กลุ่มที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ(SM) และกลุ่มหนี้เสีย (NPL) โดยไม่ต้องเดินทางมายื่นเรื่องขอประนอมหนี้ที่ธนาคาร โดยสามารถดำเนินการได้ง่าย ๆ ผ่าน Application : GHB ALL ด้วยการเลือกรายการ G H Bank Smart NPL และอัพโหลดเอกสารที่แสดงผลกระทบทางรายได้ อาทิ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัด ภาพถ่ายกิจการ หรือ Statement เพื่อได้รับการพิจารณาปรับลดเงินงวดผ่อนชำระเป็นระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ธนาคารยังเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองในราคาที่คุ้มค่า และทำเลที่เหมาะสม ด้วยการเพิ่มช่องทางในการซื้อ-ขายบ้านมือสองให้กับประชาชน กับโครงการ G H Bank Marketplace รับเป็นตัวกลางรับฝากขายบ้านมือสอง ผ่านทาง www.ghbhomecenter.com และ Application : G H Bank Smart NPA รวมถึงนำออกประมูลออนไลน์ที่มีเป็นประจำทุกเดือน โดยล่าสุด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ธนาคารสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ได้แล้วเป็นจำนวนถึงกว่า 1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการจำหน่ายทรัพย์ทั้งปีที่ 4,000 ล้านบาท
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดของ โครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 กรอบวงเงินรวมประมาณ 40,000 ล้านบาท ให้กู้สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 1-4 ปีแรก เท่ากับ 1.99% ต่อปี ระยะเวลาการกู้สูงสุด 40 ปี สามารถเลือกการผ่อนชำระได้ 2 ทางเลือก อาทิ กรณีกู้ 1.2 ล้านบาท ทางเลือกที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดคงที่ 1-4 ปีแรก อยู่ที่ 3,900 บาทต่อเดือน หรือทางเลือกที่ 2 ผ่อนชำระคงที่ 7 ปีแรก อยู่ที่ 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งธนาคารเตรียมจะเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณา หากเห็นชอบธนาคารจะเร่งนำส่งให้กระทรวงการคลังเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและกำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินโครงการระยะที่ 2 ต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ Application : GHB ALL
ที่มา: ธนาคารอาคารสงเคราะห์