'โอสถสภา' ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น ยอดขาย 6,913 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 820 ล้านบาท ในไตรมาส 2

ศุกร์ ๑๓ สิงหาคม ๒๐๒๑ ๐๙:๒๔
'บมจ.โอสถสภา (OSP)' โชว์ศักยภาพผลการดำเนินงานไตรมาส 2Q'64 ด้วยยอดขาย 6,913 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 820 ล้านบาท เติบโตจากยอดขายต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV และเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มในประเทศ โดยผลงานครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 1,824 ล้านบาท ประกาศอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้นตอบแทนผู้ถือหุ้น พร้อมสานต่อภารกิจเป็นพลังฮึดสู้เคียงข้างคนไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ผ่านการมอบความช่วยเหลือสนับสนุนด้านต่างๆ แก่บุคคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล กลุ่มอาสาสมัคร และชุมชนต่างๆ

นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รายได้จากการขายในไตรมาส 2 ที่ 6,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจากการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกลุ่มประเทศ CLMV เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจหลัก ผลักดันอัตราการเติบโตในต่างประเทศโดยรวมที่ 76% นอกจากนี้ โอสถสภายังได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร ส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้แก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ ยังได้พัฒนารถเข็นแรงดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ให้แก่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามต่างๆ 161 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นพลังให้คนไทยฮึดสู้ฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19

สำหรับตลาดในประเทศนั้น OSP ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาด 55% จากแบรนด์อันดับ 1 อย่างเอ็ม-150 แบรนด์ลิโพที่มีการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ สร้างปรากฎการณ์ครั้งแรกในรอบ 22 ปี เปิดตัว 'ลิโพ-ไฟน์' แจ้งเกิดเซกเมนท์ใหม่ให้กับ "เครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิง" และเครื่องดื่มโสมอินซัมที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากส่วนผสมสมุนไพรซึ่งตอบสนองเทรนด์ของตลาดในขณะนี้ได้อย่างตรงจุด ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงก์นั้น ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่ง 37% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังจากออกสินค้าใหม่เพื่อตอบรับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งผลิตภัณฑ์กล่องใหญ่ขนาด 1 ลิตรสำหรับการบริโภคในครอบครัวได้เป็นประจำ และ 'ซีวิท พลัส' เครื่องดื่มวิตามินซีผสมคอลลาเจน นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้จากการกระจายสินค้าให้แก่เครื่องดื่มวิตามินของกลุ่มยันฮี ซึ่งเป็นอีกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูง

นอกจากนี้ การกลับมาเดินเครื่องจักรของโรงแก้วหลังจากปิดปรับปรุงในไตรมาสก่อน สัดส่วนช่องทางการขายที่ดีขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ Fit Fast Firm อย่างต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน ทำกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 1,824 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

จากผลการดำเนินงานที่เติบโตตามเป้าหมาย ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีมติเสนอจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 1,352 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 กันยายน 2564

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OSP กล่าวว่า "จากสถานการณ์ความท้าทายจากโควิด-19 โอสถสภามุ่งเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพ การสร้างพลังทางด้านการตลาดผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และเริ่มวางรากฐานการนำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งและนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยตั้งเป้าใช้ Big Data มาช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและทรานส์ฟอร์มองค์กรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตในอนาคต"

นอกจากนี้ โอสถสภายังได้ร่วมเป็นพลังสนับสนุนการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชน ชุมชน และเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท เฮ้าส์ โอสถสภา ฟู้ดส์ จำกัด บริษัท โอสถสภา ไทโช ฟาร์มาซูติคอล จำกัด และ บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด จัดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาทิ เครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์ซีวิท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ลิโพ และเครื่องดื่มผสมสมุนไพร อาทิ โสมอินซัม สูตรผสมถั่งเช่า และเอ็ม-150 สูตรผสมกระชายดำ รวมกว่า 2 ล้านขวด มอบให้แก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีน ณ จุดบริการนอกโรงพยาบาล ในเครือข่ายสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ทั้ง 25 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร รวมถึงโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามต่างๆ 161 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ โอสถสภายังได้ออกแบบและพัฒนาแคปซูลแรงดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ช่วยจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อและลดโอกาสในการสัมผัสเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์เมื่อปี 2563 ล่าสุดทีมวิศวกรของโอสถสภาได้ออกแบบและพัฒนารถเข็นความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัยและคล่องตัวมากขึ้น โดยได้ส่งมอบแคปซูลความดันลบจำนวน 3 คัน และรถเข็นความดันลบจำนวน 18 คัน มูลค่ารวมกว่า 4.8 ล้านบาทให้แก่โรงพยาบาล 16 แห่งในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๓๙ สมาคมธนาคารไทย ออกแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบางทั้งลูกค้าบุคคลและSME
๑๔:๐๒ ผู้ลงทุนเชื่อมั่น โลตัส (Lotus's) จองซื้อหุ้นกู้เต็มจำนวน 9 พันล้านบาท
๑๔:๑๕ สมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า รูดช้อปรับคุ้ม! รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5%
๑๔:๔๘ MASTER ประชุมผู้ถือหุ้นปี 67 ผ่านฉลุย ไฟเขียวจ่ายปันผล เดินหน้าสร้างโอกาสโตตามกลยุทธ์ MP
๑๔:๔๓ ธนาคารกรุงเทพ จับมือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนาม MOU ส่งเสริมการผลิตบุคลากร-พัฒนาศักยภาพ-ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีดิจิทัล
๑๔:๒๐ ITEL จัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. เห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผลอัตรา 0.0696 บ./หุ้น
๑๔:๒๙ ไทยพาณิชย์ ตอกย้ำกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch เปิดตัว โปรจีน อาฒยา นักกอล์ฟหญิงระดับโลก เป็น Brand
๑๔:๓๐ KCG จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 พร้อมอนุมัติจ่ายปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น
๑๔:๔๙ บาฟส์ ประกาศความสำเร็จ ลุยขยายโครงข่ายขนส่งน้ำมันทางท่อ เชื่อมต่อเครือข่ายพลังงานทั่วไทย
๑๔:๓๙ บีโอไอจับมือพันธมิตร จัดงาน SUBCON Thailand 2024