ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวว่า ภาคการท่องเที่ยวของไทยเป็นภาคที่ควรได้รับการสนับสนุน เนื่องจากประเทศไทยมีจุดเด่นในภาคการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านประวัติศาสตร์ สามารถย้อนกลับไปได้ตั้งแต่สมัยสุวรรณภูมิ ทวารวดี ศรีวิชัย ละโว้ ล้านนา อยุธยา เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีการค้นคว้าวิจัยถึง "ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเพื่อการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์" ซึ่งสามารถนำมาเป็นสาระสำคัญของการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคตและช่วยให้ประเทศไทยสามารถค้นหาจุดเด่นในภาคการท่องเที่ยวได้มากขึ้น ผ่านการบูรณาการร่วมกันระหว่างนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา เช่น วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ฯลฯ นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยยังมีจุดเด่นในด้านศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ มรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งมีการกระจายตัวอยู่แทบทุกจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมกับตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งของโลกในด้านการท่องเที่ยว
โดยการประชุมครั้งนี้ มีการนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งประกอบด้วยประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
ประเด็นที่ 1 การรับมือของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากการแพร่ระบาดไวรัส COVID 19 พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมด้านการท่องเที่ยว ได้แก่
- โครงการวิจัยการพัฒนาศูนย์ข้อมูลดิจิทัลเพื่อการท่องเที่ยวและบริการของประเทศไทย และโครงการวิจัยการพัฒนาองค์กรอาสาสมัครการท่องเที่ยวไทยเพื่อความยั่งยืน โดย นายมงคล วิมลรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- โครงการวิจัยการยกระดับการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์สู่ตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพเพื่อรองรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภายหลังภาวะวิกฤต โดย ดร.นราวดี บัวขวัญ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
ประเด็นที่ 2 การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อรองรับการเติบโตภาคการท่องเที่ยวหลัง COVID 19 ได้แก่
- โครงการวิจัยต้นแบบการบริหารจัดการ WellHotel เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีคุณภาพ, โครงการวิจัยต้นแบบการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ จังหวัดภูเก็ต เพื่อยกระดับความปลอดภัยด้วยมาตรฐานสากล และโครงการวิจัยการพัฒนาสปาล้านนาสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดย ศาสตราจารย์ ดร.วิภาดา คุณาวิกติกุล ผู้ช่วยอธิการบดี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
ประเด็นที่ 3 ยกระดับความสามารถการแข่งขันและพลิกฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวบนฐานทุนทางวัฒนธรรม ได้แก่
- โครงการวิจัยการพัฒนาพื้นที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่อการท่องเที่ยวบนฐานทุนทางวัฒนธรรมในเขตเมือง โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธิป ศรีสกุลไชยรัก สถาบันอาศรมศิลป์
- โครงการวิจัยการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารไทยของชุมชน (Gastronomy Village Tourism) ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองรองชายฝั่งทะเลตะวันออก (ระยอง-จันทบุรี-ตราด) บนรากฐานคุณค่าและภูมิปัญญาสู่ความยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดย รองศาสตราจารย์ ดร.พรรณี สวนเพลง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ภายหลังการนำเสนอผลงานวิจัย รมว.อว. ได้กล่าวชื่นชมผลงานวิจัยด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์และยืนยันถึงความสำคัญของภาคการท่องเที่ยว โดยได้มอบข้อเสนอแนะและแนวทางเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณวิจัยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวเพื่อนำพาประเทศไทยสู่การเป็นอันดับหนึ่งด้านการท่องเที่ยวของโลก ผ่านการนำประวัติศาสตร์ท้องถิ่นมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ ๆ การวิจัยเพื่อพัฒนาหลักสูตรธรรมชาติวิทยาด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการส่งเสริมงานวิชาการของไทยในด้านการท่องเที่ยวสู่การเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ รองศาสตราจารย์ ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า สกสว. เป็นองค์กรที่มีบทบาทหน้าที่ในการจัดทำแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของประเทศ โดยมิติด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นโจทย์หนึ่งที่ถูกกำหนดไว้ในแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สอดคล้องกับการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมทั้ง รองศาสตราจารย์ ดร.สิรี ชัยเสรี ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า ในฐานะที่ บพข. เป็นหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่จัดสรรทุนวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและภาคบริการ จึงพร้อมที่จะเดินหน้าผนึกกำลังนักวิจัยและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำข้อเสนอแนะและแนวทางดังกล่าวไปสานต่อสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพต่อไป
ที่มา: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม