การแข่งขัน The Influencer Challenge Contest รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ เฟ้นหาอินฟูลเอ็นเซอร์หน้าใหม่ สู่การเป็นนักการตลาดดิจิทัลและนักสร้างแบรนด์มืออาชีพ ในครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่เป็นประชาชนทั่วไป โดยการแข่งขันมีทั้งหมด 3 รอบ และแบ่งออกเป็นการแข่งขันในประเภท Lifestyle Food และ Travel การแข่งขันในรอบแรกนักศึกษาหลักสูตรการตลาดดิจิทัลและการสร้างแบรนด์ ม.วลัยลักษณ์ ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศจำนวน 4 ทีม ซึ่งคัดมาจากผู้ส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 200 ผลงานทั่วประเทศ และในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ เพื่อคัดเลือกผู้ชิงชนะเลิศ จำนวน 3 ทีมต่อประเภท นางสาวอรปรียา ชำนิธุระการ ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ในประเภท Food เข้านำเสนอต่อคณะกรรมการ และได้รับรางวัลดังกล่าว
นางสาวอรปรียา ชำนิธุระการ กล่าวว่า การแข่งขัน The Influencer Challenge Contest ในครั้งนี้ ตนได้ทำคลิปวิดีโอสั้นๆ 2-3 นาที โดยเลือกส่งแข่งขันในประเภท FOOD ได้รับโจทย์ในรอบชิงชนะเลิศ คือ "THAILAND สวรรค์นักชิม" เป็นการรีวิวอาหารในตลาดศาลเจ้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีแรงบันดาลใจ เนื่องจากทุกวันนี้ในโลกโซเชียลมี influencers หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำอาชีพนี้และก็ถือว่าประสบความสำเร็จอยู่มากมาย ตนเป็นคนหนึ่งที่ใช้สื่อโซเชียลในแต่ละวันค่อนข้างมาก ได้เห็นและซึมซับความสำเร็จแบบพวกเขา ก็เลยคิดว่าเราเองก็พอจะมีความสามารถในการตัดต่อและคิดคอนเทนต์ ถ้าเราจะลองมาทำคลิปรีวิวอะไรแบบนี้ก็คงไม่ได้ยากเกินตัว และคิดว่าถ้าเราเรียนรู้ที่จะลองทำเราเองก็สามารถสำเร็จได้แบบคนอื่น
"รู้สึกดีใจที่ตัวเองคิดจะมาลองแข่งขันในโครงการนี้ ทั้งที่รู้ว่านี่คือโครงการใหญ่ระดับประเทศ เราไม่รู้เลยว่าจะต้องแข่งกับใครบ้าง แต่ภีมร์คิดว่าภีมร์ชนะใจตัวเองตั้งแต่ตัดสินใจจะลงแข่ง และภีมร์ก็ตั้งใจทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดตั้งแต่ในการส่งผลงานรอบแรกจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ภีมร์คิดแค่ว่าการที่เราทำในสิ่งที่ชอบยังไงเราก็จะทำสิ่งนั้นออกมาได้ดีเสมอ"
นอกจากนี้น้องภีมร์ ยังกล่าวถึงการเรียนในหลักสูตรการตลาดดิจิทัลและการสร้างแบรนด์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ว่า ทางหลักสูตรเน้นให้นักศึกษามีการลงมือทำงานจริง เน้นให้นักศึกษาหาประสบการณ์จากภายนอก ที่ผ่านมาทางหลักสูตรก็จัดกิจกรรมการแข่งขันการวางแผนธุรกิจให้นักศึกษาได้ลองลงมือทำมาอยู่ตลอด เน้นวิธีคิดในการสร้างธุรกิจ สร้างแบรนด์ ทำให้ตนได้มีพื้นฐานในเรื่องของการคิดคอนเทนต์ที่จะสื่อสารออกไปยังกลุ่มเป้าหมายที่จะมาดูผลงานชิ้นนี้
ที่มา: มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
