Next Normal ก้าวถัดไปของ Luxury Brand ไทย กับการสร้างงานออกแบบที่มีมูลค่า และมีคุณค่าต่อโลก

ศุกร์ ๑๕ กันยายน ๒๐๒๓ ๑๔:๓๓
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนิน "โครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลกปี 2566" หรือ Designers' Room / Talent Thai & Creative Studio Promotion 2023 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผู้ประกอบการและนักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพด้านการส่งออกในทุกภูมิภาคมีโอกาสเข้าสู่การเป็นแบรนด์นักออกแบบ และมีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจของไทย โดยในปีนี้ได้คัดเลือกนักออกแบบจากทั่วประเทศกว่า 60 ราย ให้ได้รับการบ่มเพาะเสริมสร้างความรู้ด้านการสร้างแบรนด์ การจัดทำแผนธุรกิจ ครอบคลุมตั้งแต่การทำความเข้าใจลักษณะของตลาดแต่ละประเทศ พฤติกรรมผู้บริโภคเทรนด์ความยั่งยืน การตลาดดิจิทัลและการใช้สื่อออนไลน์ องค์ความรู้ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด Megatrends และ Next Normal อาทิ กระบวนการออกแบบหมุนเวียน(Circular Design) การพัฒนาธุรกิจมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและมุ่งสู่ความยั่งยืน (SDGs) เป็น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ ให้สามารถพัฒนาธุรกิจและปรับตัวตามความต้องการของตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมให้ความรู้แก่นักออกแบบ ทั้ง 2 หลักสูตร ได้แก่ ความรู้พื้นฐานของการเป็นนักออกแบบระดับสากลและค่ายบ่มเพาะนักออกแบบไทยสู่สากล โดยในแต่ละปีจะมีการจัดกิจกรรมอบรมเพิ่มพูนทักษะความรู้ที่จำเป็นอย่างรอบด้าน ซึ่งในครั้งนี้มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และการตลาดในวงการ Luxury Brand มาร่วมให้ความรู้ในหัวข้อ "Next normal for Luxury brand" เพื่อให้คำแนะนำในการปรับตัวของธุรกิจ Luxury ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของโควิด-19 เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
Next Normal ก้าวถัดไปของ Luxury Brand ไทย กับการสร้างงานออกแบบที่มีมูลค่า และมีคุณค่าต่อโลก

คุณจิระเมศร์ สุริวงศ์วรากุล Retail Director Ferragamo (Thailand) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และการตลาดในอุตสาหกรรม Luxury Brand ให้ข้อคิดกับนักออกแบบรุ่นใหม่ว่า "เมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มจาก Passion ความสำเร็จจะอยู่ใกล้เราเสมอ แม้แต่การมาบรรยายในครั้งนี้เองก็มาจาก Passion ที่อยากให้ทุกคนเข้าใจถึงคำว่า Luxury Brand และเข้าใจว่าอะไรคือ New Normal ที่เราต้องให้ความสำคัญ หลังจากนี้ รวมทั้งการสร้าง Brand Value เพื่อพาแบรนด์ไปสู่ตลาดโลกได้อย่างภาคภูมิและมีคุณค่าต่อโลก"

หัวใจสำคัญของการเป็น Luxury Brand

การเป็น Luxury Brand จำเป็นต้องมี Exclusivity หรือความพิเศษที่แตกต่าง หายากอันเกิดได้จากรูปแบบการดีไซน์ รูปร่าง คุณภาพของวัสดุที่ใช้ ความละเอียดประณีตจากฝีมือของช่างผู้เชี่ยวชาญ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นหัตถศิลป์หรือการออกแบบชั้นสูงที่ไม่สามารถเลียนแบบได้และที่สำคัญต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการและความสะดวกสบายของลูกค้าในการใช้งานได้

โควิด-19 กับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่ Luxury Brand ต้องเผชิญ

1. ผลกระทบในอุตสาหกรรม Luxury

การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ Luxury Brand ต้องปรับราคาสูงขึ้น เนื่องจากปัญหาการสูญเสียช่างฝีมือมีอายุเหล่านี้ไปกับโรคระบาด รวมทั้งวัตถุดิบบางอย่างที่หายากมากขึ้น

2. กลุ่มลูกค้าที่เริ่มเด็กลง

Gen Y หรือ Millennials เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่มีกำลังซื้อและอำนาจการตัดสินใจสูง รวมทั้ง     Gen Z ที่ต้องการลิ้มลองประสบการณ์พิเศษใหม่ ๆ ทำให้ทั้ง 2 เจนเนอเรชั่นเป็นกลุ่มลูกค้าที่น่าจับตา นอกจากนี้ ตามผลการวิจัยของ เบน แอนด์ คอมพานี ยังระบุว่า ภายในปี 2025 ชาวจีนจะเป็นกลุ่มคนที่ซื้อสินค้า Luxury Brand มากถึง 50% และคาดว่าจะมีการจับจ่ายสินค้า Luxury Brand มากถึง 3 แสน 3 หมื่นล้านบาท

3. New Behavior ที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญ

เนื่องจากการลดลงของนักท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้หลายแบรนด์พุ่งเป้าหมายมาที่คนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ แบรนด์ต้องเข้าใจว่าพื้นที่ร้านแต่ละแห่งมีลักษณะคนเดินไม่เหมือนกัน ทำให้ Conversion Rate ต่างกันไป ดังนั้น แบรนด์จึงจำเป็นต้องมองหาแนวทางหรือกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ซึ่งแนวทางเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์สามารถนำไปใช้ทั้งในเชิงการบริการและการตลาด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งต่อแบรนด์และลูกค้า เช่น e-commerce, Omnichannel หรือการเพิ่มช่องทางขายโดยเชื่อมโยงข้อดีของออนไลน์กับออฟไลน์ไว้ด้วยกัน, โฮมเซอร์วิส, การให้คำปรึกษาทางไกล และช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย

ในส่วนของการตลาดดิจิทัล แม้ปัจจุบันงบประมาณในการโฆษณาอาจลดน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสื่อสิ่งพิมพ์ เนื่องจากการขยายตัวของสื่อออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้อดีของสื่อออนไลน์คือ แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์ได้แบบไร้รอยต่อและยังเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นผ่านคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียของ KOLหรืออินฟลูเอนเซอร์ รวมทั้งการยิงโฆษณาและทำ SEO

4. ความยั่งยืนต้องมาพร้อมความรับผิดชอบต่อทุกคนและโลก

ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อม หรือทรัพยากรทางธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างคุณค่าและมีความรับผิดชอบต่อทั้งโลก สวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ความเท่าเทียมในสังคม รวมทั้งคุณภาพชีวิตของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพราะธุรกิจของนักออกแบบทุกคนในทุกสาขา ล้วนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการใช้สารเคมีและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติจากสัตว์และสิ่งแวดล้อม

อยากพาแบรนด์ไปตลาดโลก องค์ประกอบพื้นฐานต้องแข็งแรง

การสร้างแบรนด์สู่ตลาดโลก จำเป็นต้องมีพื้นฐานและแนวทางที่ชัดเจนแข็งแรง ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบ ดังนี้

1. รู้จักแบรนด์และตัวเองอย่างลึกซึ้งทุกมิติ การสร้างแบรนด์ต้องมีเป้าหมายและจุดยืนที่ชัดเจนเพื่อนำไปสร้างเป็น Brand Personality ที่มีคาแรคเตอร์แตกต่างเป็นของตัวเอง รวมทั้งสามารถนำไปประเมินแนวทางหรือวิธีการดำเนินงานที่เหมาะสมกับตัวเอง นอกจากนี้ การมีองค์ประกอบพื้นฐานของแบรนด์ที่แข็งแรงทั้ง Brand Essences, Brand Personality, Brand Identity, Brand Perception และ Brand Storytelling ยังสามารถนำไปต่อยอดเป็นความร่วมมือระหว่างแบรนด์ หรือ Co-Branding เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่

2. รู้ว่าลูกค้าคือใครและชอบอะไร การทำความรู้จักกลุ่มลูกค้าอาจทำได้โดยการสำรวจหรือแบบประเมินความพึงพอใจ สำหรับเก็บเป็นข้อมูลทางด้านประชากรศาสตร์ (Demography) และทางด้านจิตวิทยา (Psychology) เพื่อนำไปออกแบบการบริการและผลงานให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

3. เรียนรู้จากคู่แข่ง ทั้งจากความสำเร็จและสิ่งที่ผิดพลาด เพื่อเป็นตัวอย่างให้แบรนด์สามารถนำไปปรับใช้ โดยสามารถวิเคราะห์คู่แข่งผ่าน SWOT Analysis

นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก คุณธเธียร อนุจรพันธ์ Head of Thailand Business Development & Strategic Partnerships Amazon.com มาเสริมทัพความรู้ให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่เกี่ยวกับช่องทางการค้าในรูปแบบ E-Commerce และข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศโดยผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ ในหัวข้อต่างๆ เช่น ความรู้เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับแบรนด์นักออกแบบรุ่นใหม่, กิจกรรมและงานแสดงสินค้าของสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์, โครงการ SMEs Pro-active โอกาสสู่ตลาดโลก, แนะนำสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่และหลักสูตรการเรียนรู้เพื่อพัฒนาธุรกิจสู่สากล และกิจกรรมส่งเสริมการค้าในรูปแบบออนไลน์จาก Thaitrade.com เป็นต้น โดยวิทยากรชั้นนำจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมาร่วมให้ความรู้ พร้อมแนะนำกิจกรรมและโครงการดีๆ เพื่อนักออกแบบรุ่นใหม่อย่างคับคั่ง

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามและสอบถามข้อมูลของโครงการเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th สายด่วนการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169 หรือผ่านทาง Facebook page : Talent Thai & Designers' Room

ที่มา: ชมพีอาร์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud