โครงการนี้มีชื่อว่า 'โครงการกลไกการเงินความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในระดับท้องถิ่น เพื่อการลงทุนในการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพท้องถิ่นอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี (Sub-National Public & Private Partnership for Investment towards Sustainable Local Bioeconomy)' ซึ่งมีเป้าหมายจัดการป่าชายเลนและทรัพยากรทางชายฝั่งอย่างยั่งยืน ผ่านการสร้างรายได้ที่เกิดจากกิจกรรมบริหารจัดการทรัพยากรจากฐานชีวภาพ การลงทุนที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจของกลุ่มสตรีและกลุ่มเปราะบางเพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับทุกคนอย่างเสมอภาค
โดยโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคมปี 2567 จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2569 ในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลแหลมผักเบี้ย ตำบลปากทะเล และตำบลบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีกรอบการดำเนินงานใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. การจัดการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ยั่งยืนในระดับชุมชน 2. การแบ่งปันกำไรจากรายได้ของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ตามสัดส่วนที่เหมาะสมไปสู่การปกป้องป่าชายเลนและการดูแลสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น และ
3. การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการลงทุนที่พัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพของท้องถิ่น ซึ่งการดำเนินการโครงการนี้คาดหวังให้เกิดรูปแบบกลไกทางการเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพที่สอดคล้องกับบริบทเฉพาะของพื้นที่และเกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมทั้งสร้างกระบวนการพัฒนาแผนการปรับตัวของชุมชนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแผนปฎิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพระดับท้องถิ่นต่อไป
ทั้งนี้ คุณนีฟ คอลเลอร์-สมิธ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประเทศไทย กล่าวเปิดงานและได้ระบุว่า "UNDP มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยและรัฐบาลไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างครอบคลุมในจังหวัดเพชรบุรี เราทำงานเพื่อประชาชนและโลก โดยผสานแนวทางการแก้ปัญหาด้านธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศ และสังคมเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งโครงการ UNDP BIOFIN ใหม่นี้ รวมเอาคุณลักษณะเหล่านี้ไว้ด้วยกัน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) รวมถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการนำแผนงานระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพและสภาพภูมิอากาศที่มีความทะเยอทะยานไปปฏิบัติในระดับท้องถิ่น
UNDP รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลและองค์กรกว่า 200 แห่ง ในการพัฒนาแผนการเงินความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งได้นำเสนอในการประชุมความหลากหลายทางชีวภาพระดับนานาชาติเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 44 ประเทศทั่วโลกที่ได้วางรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการจัดหาเงินทุนสำหรับเป้าหมายความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลกของตามกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออล ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก โดยโครงการ BIOFIN ของ UNDP นี้เป็นก้าวเริ่มในการลดช่องว่างด้านการเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกที่ยังขาดอีก 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เราเชื่อว่าการดำเนินการที่ขับเคลื่อนจากระดับท้องถิ่นและครอบคลุมนี้พร้อมที่จะขยายผลไปทั่วประเทศได้"
นางสาวกานดา ชูแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เน้นย้ำว่า "การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพระดับชาติ พ.ศ. 2566 - 2570 จะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายตามกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออล ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแผน NBSAP แล้วเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 โดยประเทศไทยกำหนด 3 ยุทธศาสตร์ และ 12 เป้าหมาย ในระดับชาติ และมุ่งหวังการทำงานกับ BIOFIN และภาคเอกชน เพื่อเพิ่มช่องทางและเงินทุนสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการตามแผนการเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพต่อไป และเชื่อมั่นว่าการทำงานที่ใกล้ชิดของภาครัฐ ภาคเอกชนและชุมชนท้องถิ่นจะเป็นกุญแจสำคัญให้ประเทศไทยสามารถลดความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเป็นรูปธรรม"
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศ ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ หรือ SDGs เพื่อความยั่งยืน เล็งเห็นความสำคัญในการร่วมกันดูแลและสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้ชุมชนอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน โดย
ต่อยอดความร่วมมือระหว่างธนาคาร UNDP BIOFIN และมูลนิธิรักษ์ไทย ในการขับเคลื่อนโครงการ Public & Private Partnership for Investment in Sustainable Local Bioeconomy in Phetchaburi Province ผ่านโครงการ "กรุงไทยรักเพชรบุรี" ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาชุมชนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดเพชรบุรีไปพร้อมกับการฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล และสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืนให้กับชุมชน ช่วยส่งเสริมชุมชนให้มีระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง สามารถยกระดับความเป็นอยู่ให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี พึ่งพาตนเองได้ และสร้างการเติบโตให้กับทุกภาคส่วนของสังคม สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ "กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน"
สุดท้าย นางแอนนาเบล ทรินิแดด ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสประจำโครงการ BIOFIN ระดับโลกของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนการกำเนินงานของ BIOFIN ว่า "กลไกการเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพที่จะขับเคลื่อนในจังหวัดเพชรบุรีเป็นการผสมผสานของกลไกการเงินต่างๆ ได้แก่ การพัฒนาวิสาหกิจชุมชน การเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรกับภาคเอกชน การจัดตั้งกองทุนอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดการงบประมาณภาครัฐ กลไกทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกันและมีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อให้มีการจัดหาทุนที่เพียงพอสำหรับการรักษาและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของเพชรบุรี ในฐานะตัวแทนของ BIOFIN รู้สึกโชคดีที่ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยอีกครั้ง และหวังว่าความเชี่ยวชาญของภาคการเงินการธนาคารในด้านการจัดการการเงินที่มีประสิทธิภาพสำหรับทั้งรัฐบาลและธุรกิจขนาดเล็กจะกระตุ้นให้มีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ"
ที่มา: ธนาคารกรุงไทย