"โนโรไวรัส" ยังระบาดต่อเนื่อง

จันทร์ ๓๐ ธันวาคม ๒๐๒๔ ๑๗:๓๕
ปัจจุบันยังคงพบผู้ป่วยติดเชื้อโนโรไวรัสจำนวนมาก มีการระบาดทั้งในสามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ทุกเพศทุกวัย อาการเด่นสุดคือ อาเจียน ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
โนโรไวรัส ยังระบาดต่อเนื่อง

พญ.วิไลรัตน์ หล้ามาชน กุมารแพทย์ คลินิกเด็ก โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า โนโรไวรัส (Norovirus) มีชื่อเดิมว่า Norwalk Virus สามารถติดต่อได้หลายทาง เช่น การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น หอย ผักผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด รวมถึงการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง การจับหรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้ออยู่แล้วนำนิ้วเข้าปากโดยเฉพาะในเด็ก จึงมักพบการระบาดอย่างรวดเร็วในโรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถม เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายเชื้อจะอาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น ภายใน 12-48 ชั่วโมงหลังรับเชื้อนี้ ทำให้เกิดความผิดปกติของการดูดซึมไขมันและน้ำตาลของลำไส้เล็ก เกิดการถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น มีไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย สำหรับรายที่มีอาการอาเจียนและถ่ายเป็นน้ำปริมาณมาก อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการขาดน้ำ เช่น อ่อนเพลียมาก มีชีพจรเบาแต่เร็ว และมีความดันโลหิตต่ำได้

การตรวจวินิจฉัยโรคสามารถทำได้ในห้องปฏิบัติการโดยการตรวจอุจจาระ สำหรับการรักษาปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสชนิดนี้ จึงเป็นการดูแลรักษาแบบประคับประคองตามอาการ โดยทั่วไปส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นได้ในเวลา 3-4 วัน แต่ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการหนัก เช่น อาเจียน ปวดท้องและถ่ายเหลวมาก ทำให้เกิดภาวะขาดสารน้ำรุนแรง อาจเกิดอันตรายจากการขาดน้ำ ทำให้ช็อค ความดันโลหิตต่ำ และเสียชีวิตได้ จึงควรพิจารณาให้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด

สำหรับการป้องกันทั่วไปคือ การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยรอบตัว ซึ่งทำได้โดยล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดเป็นประจำหลังจากเข้าห้องน้ำและเปลี่ยนผ้าอ้อม เชื้อไวรัสสามารถอยู่ในอุจจาระได้นานถึง 2 สัปดาห์

โนโรไวรัส (Norovirus) มีความคงทนในสิ่งแวดล้อมมาก น้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ ที่ใช้อยู่ รวมทั้งแอลกอฮอล์ไม่สามารถที่จะฆ่าเชื้อได้ ในทางปฏิบัติ สารเคมีที่ใช้ในการฆ่าเชื้อได้ จะอยู่ในจำพวก ฟอร์มาลิน กลูตารอลดีไฮด์ และสารประกอบจำพวกคลอรีน เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรด์ (2%) คลอรอกซ์ และไฮเตอร์ อย่างไรก็ตามสารดังกล่าวจะมีกลิ่นเหม็นมากจึงใช้ยาก นอกจากใช้ล้างห้องน้ำ จึงขอแนะนำว่าในชีวิตประจำวัน ให้ล้างมือบ่อยๆ ด้วยวิธีใช้น้ำและสบู่ล้างมือ โดยใช้น้ำชะล้าง เพื่อทำให้ไวรัสเจือจางไปให้มากที่สุด

ที่มา: โรงพยาบาลหัวเฉียว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๐ STI เผยงานควบคุมงานก่อสร้างโครงการโรงพยาบาลเติบโตอย่างต่อเนื่อง ย้ำความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรงพยาบาล
๑๖:๐๐ โรแยล พลัส (PLUS) ร่วมงาน Gulfood Dubai 2025 ตอกย้ำผู้นำแบรนด์เครื่องดื่มไทยก้าวสู่ตลาดระดับโลก
๑๖:๐๐ สัมผัสมนต์เสน่ห์ของเพชรเม็ดงามแห่งแหลมพันวา ผ่านฉากตระการตาในภาพยนตร์และซีรีส์ดัง กับ 'Director Package' ณ โรงแรมเคปพันวา
๑๖:๐๑ โครงการ AIC 2024 ของกลุ่มบริษัท CGS International ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เตรียมเปิดตัวโครงการ AIC 2025 ในเดือนเมษายน 2568
๑๖:๑๐ SERIOUS BACON เสิร์ฟเพลงแรกของปี เธอ ๆ เพื่อนเราชอบ ซิงเกิลที่เอาใจคนแอบรักเพื่อน แบบติดตลก ติดหู ฟังแล้วระวังจะยิ้มไม่หยุด!!!
๑๖:๐๐ เอ็ม บี เค และธุรกิจในเครือ รวมพลังบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อมูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ MBK Care อาสาสร้างสุขสู่ชุมชน ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ ประจำปี
๑๖:๑๑ เฟดเอ็กซ์ เปิดตัวเครื่องมือเตรียมการจัดส่งร่วมกันในประเทศไทย เสริมประสิทธิภาพกระบวนการนำเข้าและเพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์
๑๕:๔๒ เซ็นทรัลพัฒนา ตอกย้ำองค์กรยั่งยืนระดับโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 กับ Dow Jones Best-in-Class Indices ในกลุ่มบริษัทอสังหาฯ
๑๕:๑๔ กทม. รุกมาตรการป้องกัน-แก้ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในกลุ่มเยาวชน
๑๕:๒๘ วว. คว้ารางวัล Hackathon 2025 นวัตกรรมการแพทย์โดยคนไทย จากผลงานโพรไบโอติก