นางกลอยตา กล่าวว่าในยุคที่โลกเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ มาตรการสิ่งแวดล้อมระดับโลก เช่น CBAM ของยุโรป ไม่ใช่เพียงแรงกดดัน แต่คือจุดเปลี่ยนที่เปิดโอกาสให้ SMEs ไทยยกระดับสู่ตลาดใหม่ โดยเฉพาะเมื่อผู้ซื้อในยุโรปและประเทศพัฒนาแล้วเริ่มเลือกคู่ค้าที่มีข้อมูลและมาตรการด้านคาร์บอน SMEs ที่ปรับตัวทันจะกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ เพราะมีต้นทุนต่ำกว่าผู้เล่นรายใหญ่ ปรับตัวเร็ว และตอบโจทย์ด้าน ESG ของผู้ซื้อได้ตรงจุด ที่สำคัญ ยังเปิดประตูสู่แหล่งทุนสีเขียวทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การรับเงินทุนสนับสนุนการวิจัยในด้านที่เกี่ยวข้องร่วมกับสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานภาครัฐ หรือการรับการสนับสนุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวจากองค์กรพัฒนาระดับโลก หากเริ่มเก็บข้อมูลและวางเป้าหมายลดคาร์บอนตั้งแต่วันนี้ SMEs ไม่เพียงแต่จะอยู่รอด แต่ยังสามารถใช้ความยั่งยืนเป็นแต้มต่อในการขยายตลาดใหม่และเข้าถึงแหล่งทุนได้ด้วย
สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีบริการเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของ SMEs สู่เป้าหมาย Net Zero โดยได้ขึ้นทะเบียนการให้บริการกับ สสว. ผ่านโครงการ BDS (Business Development Service) ให้บริการที่ปรึกษาการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ที่ปรึกษาการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร และงานทวนสอบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ รวมถึงจัดทำ CCI Library ซึ่งเป็นชุดความรู้ดิจิทัลที่เข้าถึงได้ง่าย เพื่อการปรับตัวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ครอบคลุมเรื่องต่าง ๆ เช่น คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ มาตรการ CBAM ของยุโรป และแนวทางสู่ Net Zero เพื่อให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs สามารถเรียนรู้และเตรียมตัวได้ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ นางณินทิรา อภิสิงห์ กรรมการและเลขานุการ CCI ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อเปิดคู่มือ Greener SME Handbook เพื่อการพัฒนาสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน และทีมที่ปรึกษาจาก CCI ได้ร่วมเปิดคลินิกให้คำปรึกษาเรื่องการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ในด้าน CFO (Carbon Footprint for Organization) และ CFP (Carbon Footprint for Product) เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจหลักการ วิธีดำเนินการ และมองเห็นผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของตน โดยเฉพาะ SME ที่ต้องการเริ่มต้นอย่างมั่นใจ
ในขณะที่ บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด ได้นำเสนอแนวทาง Climate Solution ของกลุ่มบริษัทบางจากผ่านโครงการ "ทอดไม่ทิ้ง" ซึ่งเป็นตัวอย่างของการปรับตัวเชิงรุก ด้วยการนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและเปิดพื้นที่ให้ชุมชนและ SMEs
มีส่วนร่วมในการจัดการของเสีย เสริมรายได้ และเข้าสู่ห่วงโซ่เศรษฐกิจหมุนเวียนและคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมาก ตลอดทั้ง 2 วัน
EARTH JUMP 2025 จัดโดยธนาคารกสิกรไทยและเครือข่ายธุรกิจเพื่อสภาพภูมิอากาศไทย (Thai CBN) เป็นเวทีที่เชื่อมโยงองค์ความรู้ระดับโลก เพื่อเปิดมุมมองใหม่ให้ภาคธุรกิจไทยรับมือกับความผันผวนด้านสิ่งแวดล้อม การเมือง และเศรษฐกิจ พร้อมก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยมีวิทยากรชั้นนำจากไทยและต่างประเทศกว่า 50 ท่าน ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และแนวคิดผ่านเวทีต่าง ๆ ในวันที่ 28 และ 29 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ บางจากฯ เป็นหนึ่งในสมาชิกของ Thai CBN ซึ่งเป็นความร่วมมือของภาคเอกชนที่มุ่งผลักดันการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของภาคธุรกิจสู่เศรษฐกิจสีเขียวผ่านการทำงานร่วมกันการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการมีส่วนร่วมเชิงกลยุทธ์
