อาเซียนตื่นตัวเศรษฐกิจดิจิทัล หวั่นไทยล้าหลังเวียดนาม แนะรัฐบาลเร่งเครื่อง

ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเผยกลุ่มประเทศในอาเซียน กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัลเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว โดยมีรัฐบาลเป็นแกนหลัก ขณะที่ไทยตามหลังเวียดนาม ด้านผู้แทนภาครัฐ-เอกชน ร่วมระดมสมองวาง 8 แนวทาง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทย

Monday 16 June 2025 16:27
อาเซียนตื่นตัวเศรษฐกิจดิจิทัล หวั่นไทยล้าหลังเวียดนาม แนะรัฐบาลเร่งเครื่อง

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกันจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ "Call to Action: Learning from the Best Practices" เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติและแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการกว่า 50 คน จากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.), หอการค้าสิงคโปร์-ไทย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซิกเนเจอร์ โรโบติกส์ จำกัด ร่วมกันระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล (World Digital Competitiveness Ranking : WDCR) ของประเทศ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทาง "Action Plan" ขั้นต้นอย่างมีประสิทธิภาพ

นายคอลินน์ ดินน์ (Mr. Colin Dinn) กรรมการผู้จัดการ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป แพลติเนียน (BCG Platinion) บรรยายเรื่อง "Learning from the World Digital Best Practices" ในการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในการใช้งานทั้งในภาครัฐและเอกชน ในทุกมิติ หลายประเทศขับเคลื่อนสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งในอาเซียน ที่ภาครัฐกำหนดนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งรัฐบาลไทย

"จากประสบการณ์ของผมในอาเซียน สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยมาเลเซีย และที่น่าแปลกใจคือ อันดับสามคือเวียดนาม และไทยเป็นอันดับ 4 เศรษฐกิจเวียดนามมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรในด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว" นายคอลินน์ กล่าว

นายคอลินน์ ระบุว่า การที่จะพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ต้องเริ่มขับเคลื่อนตั้งแต่นโยบายของรัฐบาล ในการวางกลยุทธ์และเป้าหมายที่ชัดเจนรวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม เพื่อรองรับกับเทคโนโลยี และตอบโจทย์กับการพัฒนาเทคโนโลยีของภาคเอกชน อย่างประเทศไทยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล สิ่งที่สำคัญคือ ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนา มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชน (Citizen-centric services) รวมไปถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในการใช้เครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ รวมไปถึงการบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) และเศรษฐกิจดิจิทัล

นางพรกนก วิภูษณวรรณ ผู้อำนวยการ ศูนย์เพื่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) กล่าวถึงการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ "Call to Action: Learning from the Best Practices" ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่อง ทั้งการจัดสัมมนา ร่วมกับภาครัฐ และเอกชน รวมถึงการจัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยการสัมมนาที่ผ่านมาได้เปิดมุมมองสำคัญใน 4 ประเด็นคือ

  1. การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร (Digital workforce & Talent)
  2. การขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government โดยคำนึงถึงการพัฒนาโครงสร้างและการให้บริการ
  3. การนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) มาใช้และการกำกับดูแล
  4. การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และ E-commerce

"เวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากงานสัมมนา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการระดมสมอง เพื่อนำความคิดเห็นไปใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล" นางพรกนก กล่าว

นางสาวพณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ดำเนินการประชุมเชิงปฏิบัติการ กล่าวถึง แนวทางการประชุมเชิงปฏิบัติการ การขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล ต้องให้ความสำคัญทั้ง 4 ประเด็น คือ การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร (Digital Workforce & Talent), การขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) โดยคำนึงถึงการพัฒนาโครงสร้างและการให้บริการ, การนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) มาใช้และการกำกับดูแล, การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และ E-commerce ที่ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนต้องนำมาถกเถียงกันในเรื่องของปัญหาและแนวทางการแก้ไข เพื่อจัดทำเป็นแนวทางปฏิบัติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล

รัฐ -เอกชน เสนอวิสัยทัศน์และแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

ผลจากการร่วมระดมความคิดของผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ ใน 4 ประเด็น ดังกล่าว ได้นำเสนอ วิสัยทัศน์ และแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ดังนี้

1.ด้านของการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร (Digital Workforce & Talent) ได้แก่ 1.1 การให้คนสามารถทำงานร่วมกันกับ AI ได้ เพราะต้องยอมรับว่า AI มาแล้ว และมีส่วนช่วยในการทำงานของคนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 1.2 การทำงานร่วมกันระหว่าง AI กับคน ต้องเป็นการทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัย ต้องเรียนรู้ในแบบของ Citizen Centric Digital Learning เพื่อให้คนไทยก้าวสู่การเป็น Global Citizen

การที่จะสามารถขับเคลื่อนไปสู่วิสัยทัศน์ดังกล่าวได้ต้องมีการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI โดยการสร้างแรงจูงใจให้เรียนรู้ มีการจัดการแข่งขันในระดับประเทศ รวมไปถึงการให้ทุนการศึกษา เพื่อยกระดับทรัพยากรบุคคลของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา ที่ต้องสร้างบุคลากรทั้งผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบ ไปจนถึงความสามารถในการใช้งาน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ

2.ด้านการพัฒนาสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ที่ประชุมเสนอ 2 วิสัยทัศน์ คือ 2.1 รัฐบาลต้องพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลโดยคำนึงถึงการใช้งานของประชาชนในแบบของ Citizen Centric เป็นรัฐบาลที่ทำงาน 24 ชั่วโมง ใน 7 วัน (24/7) ในรูปแบบของ Smart Service 2.2 การทำงานของรัฐบาลดิจิทัล ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

ทั้งนี้ การที่จะสามารถขับเคลื่อนไปสู่วิสัยทัศน์การเป็น Digital Government ภาครัฐต้องพัฒนาไปสู่การเป็น Government E-Service มีการจัดทำ Central Data Platform ที่ทุกคนสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ โดยการรวมงานบริการของภาครัฐที่มีอยู่มากกว่า 4,600 บริการ ตามรายงานของสำนักงาน กพร. รัฐบาลควรจะรวมมาไว้ในระบบเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนและสามารถให้บริการประชาชนได้แบบ one stop digital service

การจัดให้ประชาชนสามารถใช้ Digital ID ในการติดต่อและรับบริการจากภาครัฐ สร้างให้เป็นรัฐบาลแบบ One-E Office หน่วยงานที่มีงานเหมือนกันให้อยู่ในรูปแบบเดียวกัน 10,000 หน่วยงานควรจะอยู่ในรูปแบบเดียวกัน รวมเป็นทีมเดียวกัน อยู่ตรงกลางและสร้างทุกอย่าง อนาคตจะสร้าง Start up จากตรงนี้ได้ จะต้องสร้าง AI ให้เป็น Support Service ช่วยงานของคนที่เป็น government office ได้ เป็นส่วนหนึ่งของการลดขนาดของข้าราชการให้เล็กลง แต่คุณภาพการให้บริการมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมีการพัฒนา Thai GPT สำหรับคนไทย เหมือน Chat GPT ซึ่งแนวทางดังกล่าวภายใน 5 ปี ประเทศไทยจะเป็น digital government เหมือนเอสโตเนีย

3.ด้านการนำเทคโนโลยี AI มาใช้และการกำกับดูแล (AI Adoption & Governance) ต้องมีวิสัยทัศน์เรื่อง 3.1 ความปลอดภัยในการใช้งาน ทำให้คนมีความสามารถและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 3.2 คนต้องทำงานกับ AI ในฐานะผู้สั่งการ เพื่อทำให้ AI มีความฉลาดขึ้นและตอบโจทย์กับการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

การที่นำ AI มาใช้และการกำกับดูแล ต้องมีการพัฒนา AI ที่รองรับกับการใช้งานของคนทุกวัย ทั้ง AI สำหรับเยาวชนและผู้สูงวัย เพื่อตอบโจทย์กับการใช้งาน ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวต้องมีการทำวิจัย และมีการลงทุน ซึ่งคนที่ลงทุนต้องเป็นภาครัฐ

นอกจากการสร้างระบบที่ปลอดภัยและมีการกำกับดูแลที่ดีแล้ว ต้องมีการพัฒนาระบบ คนไทย 1 คน มี AI Bot ที่เป็น content 1 ตัว ให้ Bot ทำงานแทนได้ One Thai One Bot รวมทั้ง่สนับสนุนภาคการศึกษา เอกชนและรัฐให้มาทำงานร่วมกันทั้งในฐานะผู้ใช้งานและผู้พัฒนาเทคโนโลยีและระบบ ด้วยการใช้ระบบ digital single เดียว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และให้สิทธิพิเศษฟรีภาษีในการนำเข้าอุปกรณ์ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI การเพิ่ม Productivity ในการทำงาน และสร้างให้คนไทยเป็นเจ้านายของ AI หรือ Super Boss ในอนาคต

4.ด้านการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม ต้องมีวิสัยทัศน์ดังนี้ คือ 4.1 แพลตฟอร์มต้องมีความปลอดภัย เข้าถึงทุกคน และสามารถที่จะใช้งานได้ง่าย 4.2 แพลตฟอร์มต้องมีความสามารถในการแข่งขัน และมีการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เป็นของคนไทย ปัจจุบันถึงแม้จะมีแพลตฟอร์มและ E-commerce แต่ส่วนใหญ่เจ้าของเป็นต่างชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยต้องให้ความสำคัญในการพัฒนา

ในการพัฒนาแพลตฟอร์มต่างๆ ต้องคำนึงถึงการใช้งาน โดย Platform ที่เวทีประชุมเชิงปฏิบัติการให้ความสนใจและเสนอแนะให้รัฐบาลทำคือ แพลตฟอร์มด้านการเกษตร ท่องเที่ยว วัฒนธรรม และสุขภาพ(wellness) โดยเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดยคนไทย ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เป็นแพลตฟอร์มที่มีการค้าขาย และการเข้าถึงได้ เพื่อที่จะสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล

บทสรุปที่ได้จากการระดมสมองในเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ นางสาวพนัญญา ในฐานะผู้ดำเนินการประชุมกล่าวสรุปว่า ข้อคิดเสนอแนะแนวทางดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน

อาเซียนตื่นตัวเศรษฐกิจดิจิทัล หวั่นไทยล้าหลังเวียดนาม แนะรัฐบาลเร่งเครื่อง