ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า "บันทึกข้อตกลงนี้เป็นกรอบความร่วมมือระหว่างปี พ.ศ. 2568 - 2573 มุ่งเน้นการวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ การกักเก็บคาร์บอน การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมผ่านเทคโนโลยีโลกเสมือน และสาขาอื่น ๆ เป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของโครงการความร่วมมือที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงความร่วมมือระหว่างพันธมิตรด้านวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบร่วมกันของเราต่อโลกและชนรุ่นหลัง โดย สวทช. และ IRD มุ่งมั่นที่จะสร้างองค์ความรู้ พัฒนาเครื่องมือ เทคโนโลยี และทรัพยากรบุคคล เพื่อสนับสนุนและขับเคลื่อนสู่เป้าหมายความยั่งยืนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก"
นายฌิล เปกาซู (Mr. Gilles Pecassou) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IRD กล่าวเสริมว่า "ประเทศไทยเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ IRD ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2560 เราได้ร่วมมือกับ สวทช. ในโครงการต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จและได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุนระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียง การต่ออายุบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้เป็นเครื่องสะท้อนถึงความไว้วางใจและวิสัยทัศน์ร่วมกันในการผลักดันงานวิจัยสหวิทยาการ ส่งเสริมนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ และสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมผ่านนวัตกรรมและการศึกษาที่เปิดกว้าง"
นางลีส ตาลโบต์ บาเร (Mrs. Lise Talbot- Barre) ที่ปรึกษาฝ่ายวัฒนธรรมและความร่วมมือ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย กล่าวว่า "ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ฝรั่งเศส บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ไม่เพียงเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่าง สวทช. และ IRD หากยังสะท้อนถึงสายใยมิตรภาพอันยาวนานระหว่างสองประเทศ ซึ่งยึดโยงกันด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเจตจำนงร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน"
ความสำเร็จจากโครงการความร่วมมือระหว่าง 2 สถาบันในระยะแรก ได้แก่
- BIMOMS (Biodiversity Modelling at Multiple Scale) - จากระบบนิเวศท้องถิ่นสู่การเปลี่ยนแปลงระดับภูมิภาค
โครงการ JEAI BIMOMS (พ.ศ. 2565-2567) ภายใต้โครงการ Young Teams Associated with IRD ทีมวิจัยนำโดยนักวิจัยไทยรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญในด้านการสร้างแบบจำลองระบบนิเวศ ตั้งแต่พลวัตความหลากหลายทางชีวภาพในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไปจนถึงรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของป่าไม้และการใช้ที่ดินในระดับภูมิภาค ผ่านการบูรณาการข้อมูลภาคสนาม ภาพถ่ายดาวเทียม เครื่องมือระดับโมเลกุล และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความสำเร็จของโครงการจะได้รับการสานต่อภายใต้ MOU ฉบับใหม่นี้ด้วยการขยายแบบจำลองข้อมูล ไปยังการใช้โดรนติดตามความหลากหลายทางชีวภาพ และการบูรณาการสู่ยุทธศาสตร์ด้านภูมิอากาศในระดับภูมิภาคต่อไป
- SIMPLE (Sustainability Issue Metaverse for Building Participatory Learning Environments)- เมตาเวิร์สเพื่อการเรียนรู้และสร้างความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม
โครงการ SIMPLE เป็นโครงการร่วมวิจัยระหว่างหน่วยงานวิจัย 3 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส เวียดนาม และไทย โดยผสานเทคโนโลยีการเรียนรู้ผ่านโลกเสมือนจริง (AR/VR) เข้ากับการเรียนรู้เพื่อสร้างความตระหนักในด้านการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพให้กับเยาวชนไทย โดยกิจกรรมนำร่องชื่อ "BiodiVRestorer: Immersive VR Experience for Biodiversity Restoration" ได้เข้าถึงนักเรียนมัธยมศึกษากว่า 219 คน จาก 21 โรงเรียน ในเขตกรุงเทพฯ จังหวัดปทุมธานี และเชียงใหม่
ผลการสำรวจพบว่า นักเรียนมีความเข้าใจในประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพเพิ่มขึ้น และจดจำเนื้อหาได้ในระยะยาว ครูผู้สอนระบุว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้เรียนและการมีส่วนร่วมของนักเรียนในชั้นเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะถัดไปทีมวิจัย SIMPLE จะพัฒนาเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อพร้อมจัดทำหลักสูตรฉบับสมบูรณ์สำหรับเผยแพร่ภายในต้นปี พ.ศ. 2569
- NATURAL FORESTORE - Capture and Storage of Carbon in Natural Tropical Forests การดูดซับและการกักเก็บคาร์บอนในป่าเขตร้อนตามธรรมชาติ
NATURAL FORESTORE ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิ BNP Paribas เป็นโครงการวิจัยสหวิทยาการที่มุ่งศึกษาการกักเก็บคาร์บอนในป่าเขตร้อนธรรมชาติ โดยบูรณาการองค์ความรู้จากหลากหลายสาขา ทั้งเมตาจีโนมิกส์ การสำรวจระยะไกล ปัญญาประดิษฐ์ และการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ควบคู่กับมิติทางสังคมและนโยบายสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนเพื่อการการรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก
โครงการเริ่มดำเนินงานในปี พ.ศ. 2567 ในพื้นที่ศึกษาป่าอนุรักษ์ที่หลากหลาย 3 แห่งในประเทศไทย และอีก 1 แห่งใน สปป.ลาว พื้นที่เหล่านี้ถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันเพื่อเป็น "ห้องปฏิบัติการธรรมชาติ" ที่เป็นตัวแทนของสภาพป่าที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านภูมิประเทศ ชนิดพรรณไม้ ระยะการฟื้นตัวของป่าและประวัติการใช้ที่ดินที่หลากหลาย ความหลากหลายของพื้นที่ศึกษาเช่นนี้ทำให้โครงการสามารถรวบรวมข้อมูลที่ครอบคลุมและรอบด้าน นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้เชิงลึกที่สามารถอธิบายปัจจัยและกระบวนการที่ส่งผลต่อการกักเก็บคาร์บอนในป่าเขตร้อนได้อย่างถ่องแท้
การวิจัยนี้ขับเคลื่อนด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาประยุกต์ใช้ อาทิ เมตาจีโนมิกส์ เพื่อทำความเข้าใจบทบาทของจุลินทรีย์ใต้ดิน การสำรวจระยะไกลด้วยดาวเทียมและ Lidar เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างป่าเหนือพื้นดิน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) เพื่อประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และระบุแนวโน้ม รวมถึงการวิเคราะห์ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ผลลัพธ์ที่ได้คือ แบบจำลองการประเมินการกักเก็บคาร์บอนในป่าเขตร้อนที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนและกำหนดนโยบายเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ NATURAL FORESTORE ยังสนับสนุนการติดตามและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพตาม "ดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ" ของสหประชาชาติ ซึ่งสะท้อนการบูรณาการความรู้ด้านนิเวศวิทยา ชีววิทยา สังคมเศรษฐศาสตร์ และนโยบายสาธารณะ เพื่อสร้างทางออกที่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน
