จากนั้น ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงแรงงาน ลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยมี รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ รองอธิการบดีจุฬาฯ และ นายภัทรวุธ เภอแสละ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน
ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า เป็นการบูรณาการองค์ความรู้ทางวิชาการและการวิจัยของจุฬาฯ กับประสบการณ์ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อร่วมกันยกระดับสมรรถนะของกำลังแรงงานให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาทักษะอาชีพและการเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างแรงงานคุณภาพของประเทศ
"พันธกิจที่ผูกพันร่วมกันระหว่างจุฬาฯ และกระทรวงแรงงานคือ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ การพัฒนาประเทศต้องพัฒนาให้คนมีความรู้ความสามารถ แรงงานคือพลังและเป็นรากฐานระดับประเทศ ความรู้ไม่ได้อยู่ในห้องเรียนหรือยู่ในระดับปริญญา แต่เป็นความรู้จากทุกศาสตร์ และจุฬาฯ มีความรู้จากทุกศาสตร์ ซึ่งจะอยู่ติดตัว สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาตนเอง สร้างรายได้อย่างยั่งยืน และพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป" ศ.ดร.วิเลิศ กล่าว
ด้าน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า "กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีภารกิจในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน จึงได้บูรณาการภารกิจร่วมกับจุฬาฯ ใน การจัดทำหลักสูตรและการฝึกอบรมสาขาและอาชีพต่าง ๆ เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างเครื่องปรับอากาศ ด้านปัญญาประดิษฐ์ ฯลฯ สำหรับแรงงานและประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างทักษะให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน"
ทั้งนี้ สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจนี้ ครอบคลุมความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมและการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและเทคโนโลยีสมัยใหม่ การส่งเสริมการเทียบโอนสมรรถนะจากการฝึกอบรมและประสบการณ์ทำงานเข้าสู่ระบบธนาคารหน่วยกิตของจุฬาฯ และการสนับสนุนให้นิสิตเข้าฝึกงานกับสถานประกอบการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน
ภายหลังพิธีลงนาม นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงาน พร้อมย้ำว่า "เป็นโอกาสดีที่จุฬาฯ ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำและเป็นที่ยอมรับของผู้ประกอบการและประชาชนได้ร่วมกับกระทรวงแรงงานเพื่อช่วยให้แรงงานได้เพิ่มทักษะที่มีความจำเป็นต่อกลุ่มพี่น้องประชาชนรวมทั้งกลุ่มเปราะบาง ขณะนี้ภาคธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างธุรกิจก็เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก เราต้องพัฒนาคนให้ตอบโจทย์ให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงต่อไปในอนาคต"
