- วายแอลจีชี้ทองคำไตรมาส 4 ยังรักษาเทรนด์ขาขึ้น คงเป้าหมาย 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลกยังแข็งแกร่ง จากกระแสลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ ล่าสุดพบธนาคารกลางจีนเข้าซื้อเพิ่มอีกในเดือน ต.ค. เป็นการซื้อติดต่อกัน 12 เดือน
- พร้อมปัจจัยหนุนสำคัญจากอัตราดอกเบี้ยขาลงของเฟด และการยุติการทำ QT เป็นแรงผลักดันราคาทองคำกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า
- เผยพฤติกรรมนักลงทุนเปลี่ยนจากฝากเงินมาสู่การลงทุนในทองคำแท่ง ทั้งทองคำกายภาพ ออนไลน์ และผ่านตลาดฟิวเจอร์ส พร้อมแนะทางเลือกการลงทุนในช่วงราคาทองคำปรับตัวสูงผ่านการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส เพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยการใช้เงินลงทุน 10% ของมูลค่า
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าทองคำยังได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางจีน (Public Bank of China) ที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมาว่าได้เพิ่มการถือครองทองคำขึ้นเป็น 74.09 ล้านทรอยออนซ์ ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ถือครองอยู่ที่ 74.06 ล้านทรอยออนซ์ และเป็นการเข้าซื้อต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน สะท้อนว่าความต้องการทองคำของเหล่าธนาคารกลางทั่วโลกยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับกระแสลดการพึ่งพาดอลลาร์ (de-dollarization) เป็นส่วนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเร่งตัวของแรงซื้อทองคำจากบรรดาธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง นับจากปี 2565 - 2567 ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2553 -2564 ที่ 478 ตันกว่า 2 เท่า
นอกจากนี้ทองคำยังมีปัจจัยบวกสำคัญที่จะสนับสนุนให้ภาพใหญ่ยังเป็นขาขึ้น คือ แนวโน้มเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย ซึ่งประเด็นนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคให้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยลงทุนในการฝากเงินมาสู่การซื้อทองคำแท่งทั้งรูปแบบกายภาพและผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงการซื้อทองคำผ่านตลาดฟิวเจอร์ส เนื่องจากทองคำที่เป็นสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายดอกเบี้ยขาลง นอกจากนี้ การประกาศยุติมาตรการ "คุมเข้มเชิงปริมาณ" หรือ Quantitative Tightening (QT) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม นั้นถือเป็นการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายลงเช่นกัน
จากปัจจัยสนับสนุนจึงคาดว่าในไตรมาส 4/2568 ทิศทางทางคำจะยังคงรักษาเทรนด์ขาขึ้นไว้ได้ต่อไป แม้ว่าระยะสั้นจะเกิดแรงขายทำกำไรเนื่องจากเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยมองแนวรับสำคัญที่ 4,015-3,991 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้จะเป็นสัญญาณที่ดี โดยวายแอลจียังมองว่าปีนี้ทองคำจะยังไปถึงเป้าหมาย 4,380-4,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ คาดว่ามีโอกาสไปถึง 67,000-67,500 บาทต่อบาททองคำ โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 61,600-61,200 บาท
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำในช่วงนี้ YLG แนะนำลงทุนผ่านตลาดฟิวเจอร์สเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด โดยล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นพิเศษ เทรดทอง-หุ้น TFEX ค่าคอมมิชชั่นลดสูงสุดถึง 80% มอบโอกาสให้นักลงทุนเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ลดค่าคอมฯ ตั้งแต่สัญญาแรกโดยไม่มีขั้นต่ำ สำหรับอัตราค่าคอมมิชชั่นที่ปรับลด ได้แก่ SET50 Index Futures เหลือเพียง 15 บาท จากปกติ 77.6 บาท , Gold Online Futures เหลือ 40 บาทต่อสัญญา จากปกติ 178 บาท ,Block Trade ลดเหลือ 0.07% จากเดิม 0.1%, Currency Futures เหลือ 5 บาท จากปกติ 10.10 บาท นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ผ่านระบบ E-Open Account ได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่เสียค่าบริการยืนยันตัวตนผ่าน NDID พร้อมบริการฝาก-ถอนเงินผ่านแอป Streaming ที่รองรับการฝากเงินแบบ Realtime เงินเข้าทันที และถอนเงินได้รับภายในวันเดียว YLG Futures ยังเพิ่มศักยภาพการเทรดด้วยเครื่องมือครบครัน ทั้ง TFEX Combo (Auto Position, Combination Order) และ Robot Trade ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Settrade Open API ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการความคล่องตัว นอกจากนี้ ยังมีทีมเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างมั่นใจ