รายงานสรุปภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2565 และแนวโน้มปี 2566

อังคาร ๑๐ มกราคม ๒๐๒๓ ๑๖:๒๔
มูลค่าตลาดบ้านสร้างเอง : ธุรกิจรับสร้างบ้าน สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association:THBA) โดย นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคม สรุปปริมาณตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศในปี 2565 (มิใช่ บ้านจัดสรร) มีมูลค่ารวม 2 แสนล้านบาทเศษ แบ่งเป็นบ้านสร้างเองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท และต่างจังหวัด มูลค่า 1.55 แสนล้านบาท สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านหรือกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน ประเมินว่าผู้บริโภคเลือกใช้บริการสร้างบ้านทั่วประเทศ มูลค่าราว 2.4 - 2.5 หมื่นล้านบาทหรือคิดเป็น 12% ของมูลค่ารวมตลาดบ้านสร้างเอง (2 แสนล้านบาท) โดยกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านมีส่วนแบ่งตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มูลค่า 1.4 - 1.5 หมื่นล้านบาท และแชร์ตลาดในต่างจังหวัด คิดเป็นมูลค่า 1.0 - 1.1 หมื่นล้านบาท

เมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศในสัดส่วนที่เหลืออีก 88% (กลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านมีส่วนแบ่ง 12%) หรือคิดเป็นมูลค่า 1.75 - 1.76 แสนล้านบาท ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงเลือกใช้บริการกับผู้รับเหมาสร้างบ้านรายย่อยและผู้รับเหมาทั่วไป ในอีกมุมหนึ่งอาจมองได้ว่าเป็นโอกาสดี สำหรับกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านที่จะเพิ่มแชร์ส่วนแบ่งหรือขยายตลาดได้อีกมาก หากสามารถสร้างความเข้าใจและผู้บริโภคเข้าถึงได้สะดวก โดยเฉพาะตลาดบ้านสร้างเองในต่างจังหวัดมูลค่าอีกกว่า 1 แสนล้านบาท หากว่ากลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่แบรนด์น่าเชื่อถือ สามารถขยายสาขาและให้บริการในต่างจังหวัดได้มากขึ้น รวมทั้งกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด หากสามารถพัฒนาคุณภาพและบริการสร้างบ้านให้มีมาตรฐาน หรือเป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง เชื่อว่าโอกาสยังเปิดกว้างอีกมาก สำหรับการเติบโตและขยายตัวของมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านในปี 2566

สำหรับ มูลค่าตลาดบ้านสร้างเองปี 2566 สมาคมฯ คาดว่ามีแนวโน้มทรงตัว หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 1.8 - 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ประเมินว่ามูลค่าตลาดที่ยังทรงตัวนั้น เป็นผลมาจากราคาต่อหน่วยที่สูงขึ้นตามต้นทุนก่อสร้างและราคาบ้าน (จำนวนหน่วยลดลง) ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน สมาคมฯ คาดว่าจะมีส่วนแบ่งจากมูลค่าตลาดบ้านสร้างเอง ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด มูลค่าประมาณ 2.5 - 2.6 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่อาจจะฉุดรั้งมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านให้ชะลอตัว อาทิเช่น ความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจประเทศ การรุกขยายตลาดของกลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรรรายใหญ่ในต่างจังหวัด การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร เป็นต้น

การแข่งขัน : 5 กลยุทธ์แข่งขัน ภาวะการแข่งขันของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านตลอดปี 2565 พบว่าแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เหตุเพราะว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ต่างมีความกังวลต่อสถานการณ์และความผันผวนของต้นทุนก่อสร้าง ทั้งในส่วนของค่าวัสดุก่อสร้างและค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงปัญหาแรงงานขาดแคลนและค่าแรงฝีมือที่ปรับสูงขึ้น โดยรูปแบบการแข่งขันหลัก ๆ แบ่งได้ 5 ลักษณะคือ 1.แข่งขันราคา 2.แข่งขันสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ 3.แข่งขันนำเสนอดีไซน์บ้านที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่าง 4.แข่งขันด้านบริการแบบ One Stop Service 5.แข่งขันขยายสาขาและพื้นที่ให้บริการ

โดยการแข่งขันราคาต่ำ พบมากที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย-รายกลางในท้องถิ่นต่างจังหวัด ซึ่งเป็นผลมาจากผู้ประกอบการขาดจุดขายหรือจุดแตกต่างที่ชัดเจนในสายตาผู้บริโภค ดังนั้นจึงหนีไม่พ้นต้องแข่งขันราคากับกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป ในส่วนของการแข่งขันที่เน้นสร้างภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ และดีไซน์บ้านที่เป็นเอกลักษณ์นั้น พบว่ากลุ่มผู้ประกอบการสร้างบ้านขนาดใหญ่หรือสร้างบ้านหรู เลือกนำมาใช้เป็นกลยุทธ์สื่อสารในการสร้างความมั่นใจและการยอมรับของผู้บริโภค และสำหรับการแข่งขันด้านบริการแบบ One Stop Service ซึ่งหมายถึง บริการสร้างบ้าน-ตกแต่งบ้าน จัดภูมิทัศน์ และระบบการใช้งานต่าง ๆ ภายในบ้าน เช่น ระบบประหยัดพลังงานไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ ระบบความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวก ฯลฯ ทั้งนี้ผู้ประกอบการชั้นนำหลายรายใช้เป็นจุดขายในการแข่งขัน เหตุผลเพื่อหนีการแข่งขันราคาและเน้นตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของตัวเอง สุดท้ายการแข่งขันขยายพื้นที่ให้บริการหรือขยายสาขา โดยเฉพาะจังหวัดหัวเมืองเศรษฐกิจหลัก ๆ ในภูมิภาค พบว่าผู้ประกอบการรายกลาง-รายใหญ่ที่เคยให้บริการเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่มหันมาขยายการให้บริการในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยมีทั้งรูปแบบเปิดสำนักงานสาขาขึ้นใหม่ในจังหวัดนั้น ๆ เพื่อสามารถบริหารจัดการได้อย่างใกล้ชิด และแบบไม่เปิดสำนักงานสาขาแต่เลือกใช้วิธีบริหารจัดการโดยสำนักงานส่วนกลางเท่านั้น

สำหรับ ในปี 2566 สมาคมฯ ประเมินว่ารูปแบบการแข่งขันยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่การแข่งขันขยายพื้นที่ให้บริการจะเป็นการขยายสู่จังหวัดเมืองรองมากขึ้น และในการแข่งขันด้านบริการแบบ One Stop Service ก็จะเห็นภาพชัดมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 เหตุผลเพราะพฤติกรรมและความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ตามเทคโนโลยีการอยู่อาศัยที่พัฒนาตอบโจทย์ได้มากขึ้น ทำให้การสร้างบ้านมีระบบดูแลชีวิตหรือสุขภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันรวมเข้าไว้ด้วย รวมถึงพฤติกรรมและแนวคิดของผู้บริโภคที่มองว่าไม่จำเป็นว่าต้องมีที่อยู่อาศัยหรือสร้างบ้านอยู่เฉพาะในเมืองหลวงเท่านั้น

มุมมองสมาคมฯ : ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท "กรณีที่มีพรรคการเมืองออกมาประกาศชูนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 นั้น ปรากฎว่ามีตัวแทนกลุ่มธุรกิจหลาย ๆ รายออกมาวิพากษ์วิจารณ์และแสดงถึงความ "ไม่เห็นด้วย" ในส่วนของมุมมองสมาคมฯ เองกลับมีความเห็นต่าง เพราะเมื่อพิจารณาในรายละเอียดของนโยบายหาเสียงพรรคการเมืองที่ประกาศไว้ ถือว่าไม่ใช่ปัญหาที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมืออาชีพ ควรจะคัดค้านและตื่นตระหนกใด ๆ แต่ควรสนับสนุนและ "เห็นด้วย" กับนโยบายดังกล่าว ภายใต้เงื่อนไขนโยบายที่ว่าเศรษฐกิจประเทศจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% (ปี 2566-2570)

หากมองย้อนกลับไปในอดีต เมื่อครั้งพรรคการเมืองเดียวกันนี้ ประกาศนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ปริญญาตรี 15,000 บาท ครั้งนั้นก็เห็นว่าผู้ประกอบการทั้ง SMEs และรายใหญ่ต่างก็ปรับตัวกันได้ไม่ยากนัก ส่วนหนึ่งก็พราะรัฐบาลออกนโยบายลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% เป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางภาษีลง ภาระต้นทุนอีกส่วนหนึ่งผู้ประกอบการที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ก็ผลักภาระให้ผู้บริโภครับแทนหรือปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ แต่ด้วยเพราะภาพรวมเศรษฐกิจประเทศเติบโตดีและประชาชนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยเพิ่มจึงไม่ได้เดือดร้อนใด ๆ

ยกเว้น ผู้ประกอบการโรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออกสินค้า ซึ่งเน้นการจ้างแรงงานกรรมกรค่าแรงต่ำ โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการผลิตซ้ำ ๆ ไม่ใช้แรงงานที่มีความสามารถและมีฝีมือ จึงจำเป็นต้องย้ายฐานผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดต้นทุน ผู้ประกอบการกลุ่มนี้แค่เข้ามาอาศัยตั้งโรงงานในประเทศไทยเท่านั้น และโดยมากมักจะเลือกจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานด้วยเป็นส่วนใหญ่ เพราะแรงงานคนไทยไม่นิยมทำงานด้วย"

ชี้แนะ : โอกาส ความท้าท้าย และการปรับตัว นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคม กล่าวว่า กูรูเศรษฐกิจจากหลายสำนัก คาดการณ์ว่าโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศไทย ยังคงต้องพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ โดยภาครัฐตั้งเป้าดึงดูดจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศในปี 2566 ไว้สูงถึง 20-25 ล้านคน ทั้งนี้หากรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนนโยบายและทำได้สำเร็จหรือใกล้เคียง ภาคประชาชนและผู้บริโภคก็คงจะมั่นใจกับทิศทางเศรษฐกิจหรือมีความหวังมากขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจประเทศก็มีโอกาสขยายตัวได้ในระดับที่น่าพอใจ

ปี 2566 อาจนับได้ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านอีกปีหนึ่ง ทั้งไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งต้องการสร้างบ้านที่ให้มากกว่าแค่ที่พักอาศัยทั่วไป ฉะนั้นความพยายามจะรักษาหรือเพิ่มแชร์ส่วนแบ่งตลาดทั่วประเทศ จึงจำเป็นที่กลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านควรจะมีการปรับตัวไปในทิศทางที่สอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยคำนึงถึง 5 ปัจจัยสำคัญ ๆ อันได้แก่ 1.การยกระดับมาตรฐานการสร้างบ้านและอยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ 2.กำหนดตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายขององค์กรให้ชัดเจน 3.การขยายพื้นที่ให้บริการหรือการขยายสาขา 4.เน้นแข่งขันเชิงคุณภาพและบริการ อันเป็นการสร้างความแตกต่างจากผู้รับเหมาสร้างบ้านรายย่อยทั่วไป และสุดท้าย 5.คุณภาพบ้านกับราคาต้องสมเหตุสมผล

สมาคมฯ แนะนำว่าการปรับตัวของธุรกิจจรับสร้างบ้าน การที่จะยกระดับคุณภาพและบริการให้แตกต่างจากกลุ่มรับเหมาสร้างบ้านรายย่อยนั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคและความกังวลของผู้ประกอบการก็คือ ต้นทุนและราคาบ้านที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อันที่จริง ๆ แล้วเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและเป็นกังวลมากนัก ด้วยเพราะการปรับตัวเพื่อยกระดับมาตรฐานให้ดีกว่าเดิม เท่ากับว่าตัวผู้ประกอบการเลือกที่จะเปลี่ยนการแข่งขันในตลาดเดิมและเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ ฉะนั้นสิ่งที่ควรกังวลและควรต้องศึกษาให้ดีก่อนคือ ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร คู่แข่งมีมากหรือน้อย คู่แข่งสำคัญเป็นใคร ทั้งนี้เพื่อจะวางกลยุทธ์การตลาดและสื่อสารได้อย่างแม่นยำ ในส่วนของสมาคมฯ นั้นได้แนะนำและทำความเข้าใจ พร้อมขอความร่วมมือกับสมาชิกทุกราย เพื่อนำไปกำหนดเป็นนโยบายและแนวทางดำเนินธุรกิจของสมาชิกเองในปี 2566 อันจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือขององค์กรตัวเอง และกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านในสายตาของผู้บริโภคและประชาชนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งร่วมกันขับเคลื่อนการขยายปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

ที่มา: พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ ต.ค. Amarin Baby Kids Awards 2024 มอบรางวัลแก่สุดยอดแบรนด์เพื่อแม่ลูก ปีที่ 6
๒๒ ต.ค. รวมก๊วนสัตว์ป่วนสุดน่ารัก มาบุกหัวหินแย้ว!! PET FRIEND HUAHIN 2024
๒๒ ต.ค. หมูสองชั้นหมูกระทะ หมูกระทะบุฟเฟต์ห้องแอร์ 219.- บาท เจ้าแรกในเมืองไทย! เปิดตัวสาขาใหม่ ที่ The Prom ดินแดง พร้อมคอนเซ็ปต์ Have Fun ยันหว่าง ตั้งแต่เที่ยงวัน ยันตี
๒๒ ต.ค. สพร.42 หนองคาย จัดประชุมเจ้าหน้าที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 42 หนองคาย ครั้งที่ 1/2568
๒๒ ต.ค. สสก.2 จ.ราชบุรี ประชุมขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรภาคตะวันตก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 1
๒๒ ต.ค. ซีอีโอ - บมจ. ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย รับโล่เชิดชูเกียรติ บุคคลคุณภาพแห่งปี 2024
๒๒ ต.ค. แอสเซทไวส์ ต้อนรับ เฟม ชุติพงศ์ Mister International Thailand 2024 สู่ 'AssetWise Family' ส่งมอบคอนโดแต่งครบพร้อมอยู่ โครงการ แอทโมซ โฟลว์
๒๒ ต.ค. ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาล D?a de los Muertos สไตล์เม็กซิกัน ณ เม็กซิกาโน่ เรสเตอรองท์ ออเทนติโก้ โรงแรมแรมแบรนดท์
๒๒ ต.ค. Beam สตาร์ทอัพฟินเทคไทย ปิดจุดอ่อนระบบรับชำระเงินด้วยภารกิจ สร้างการชำระเงินที่ง่ายที่สุด สร้างรายได้ปีละ 100 ล้านใน 3 ปี พร้อมมุ่งสู่วิสัยทัศน์ The World's Simplest Ways to
๒๒ ต.ค. ขอบคุณความเชื่อมั่นที่มีต่อ 'ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่' ด้วยยอดจองสิทธิ์กว่า 3,000 คัน ตอกย้ำความเป็นรถ SUV