นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า "ตลาดฟู้ดเดลิเวอรีมูลค่า 8.6 หมื่นล้านบาท1 ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงทรงตัวจากการปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคหลังสถานการณ์โควิด ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว ทำให้เรายังคงเห็นการแข่งขันที่เข้มข้นของผู้เล่นรายต่างๆ ในตลาด ที่พยายามปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง สำหรับแกร็บฟู้ด ในปีนี้เราโฟกัสไปที่ 3 กลยุทธ์หลัก คือ การนำเสนอบริการที่มีคุณภาพและความหลากหลาย (Quality & Wide Selection) การสร้างฐานสมาชิกและความภักดีของผู้ใช้บริการ (Loyalty) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งอาหารและสินค้า (Efficiency) โดยได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการนำเสนอบริการและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจในระยะยาวภายใต้แนวคิด Building Sustainable Growth through Innovation"
"ในฐานะผู้นำตลาด แกร็บไม่เคยหยุดพัฒนาแพลตฟอร์มและนำเสนอบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกยุค โดยเฉพาะในยุค 5.0 ที่เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทและทวีความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น เราจึงได้ใช้จุดแข็งในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการให้สอดคล้องกับอินไซต์และพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยมุ่งแก้ pain point เพื่อทลายข้อจำกัดต่างๆ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการใน 4 มิติหลัก คือ ด้านเวลา ความสะดวก ราคา และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ แกร็บฟู้ดไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นแพลตฟอร์มสั่งอาหารแบบเดลิเวอรีเท่านั้น แต่เราจะยังคงเดินหน้าเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยแบบครบวงจรให้กับผู้ใช้บริการชาวไทย"
ที่ผ่านมา แกร็บฟู้ดได้พัฒนาบริการและฟีเจอร์ต่างๆ โดยมุ่งตอบโจทย์ผู้ใช้บริการใน 4 มิติ หรือ "4S" ประกอบด้วย
- S1: SAVE TIME (ประหยัดเวลา) เพื่อตอบโจทย์คนยุคนี้ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ หรือต้องการทลายข้อจำกัดในด้านเวลา แกร็บจึงได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการลดเวลาในการรอ เพื่อให้สามารถวางแผนชีวิตได้ง่ายขึ้น อาทิ
- รับเองที่ร้าน (Self-pick up): ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้บริการสามารถสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชัน Grab เพื่อไปรับเองที่หน้าร้านโดยไม่ต้องต่อคิว โดย 53% ของผู้ที่ใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ต้องการเสียเวลาต่อคิวเพื่อรอที่หน้าร้าน2 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มพนักงานออฟฟิศ โดย 5 สถานที่ที่มีผู้ใช้ฟีเจอร์นี้มากที่สุด คือ สามย่านมิตรทาวน์ อาคารเดอะปาร์ค ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และสีลมเอจ
- สั่งอาหารล่วงหน้า (Order for later): ฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้บริการสั่งอาหารได้ล่วงหน้าได้มากสุดภายใน 7 วัน โดยสามารถระบุวันและเวลาที่ต้องการรับอาหารตามความสะดวก โดย 58% ของผู้ใช้ฟีเจอร์นี้คือคนที่ยุ่งกับการทำงานระหว่างวันจนไม่มีเวลาสั่งอาหาร3 ขณะที่ 20% ต้องการหลีกเลี่ยงการสั่งอาหารในช่วงเวลา peak hours เช่น มื้อเที่ยงและมื้อเย็น
- S2: SAVE EFFORTS (สะดวกสบาย) เพื่อให้ทุกประสบการณ์การกินเป็นเรื่องง่าย แกร็บจึงได้พยายามพัฒนาฟีเจอร์และบริการใหม่ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการสามารถลิ้มลองอาหารจานโปรดได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว อาทิ
- สั่งอาหารแบบกลุ่ม (Group Order): ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้บริการหลายคนสามารถสั่งอาหารจากร้านเดียวกันรวมกันได้ผ่านออเดอร์เดียว ซึ่งได้รับความนิยมจากกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่ชอบสั่งอาหารมารับประทานร่วมกัน
- ทานที่ร้าน (Dine-In): บริการใหม่ล่าสุดจากแกร็บที่ริเริ่มมาเพื่อรองรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารนอกบ้าน ครอบคลุมตั้งแต่การค้นหาและเช็ครีวิวร้านอาหาร การนำเสนอดีลส่วนลดสูงสุดถึง 40% ในรูปแบบ E-Voucher จากร้านอาหารชั้นนำ ไปจนถึงการให้ส่วนลดบริการเรียกรถเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง
- S3: SAVE COST (ประหยัดเงิน) นอกจากการทำระบบแพ็คเกจสมาชิก "GrabUnlimited" เพื่อสร้าง Loyalty ผ่านการมอบส่วนลดสุดคุ้มให้สมาชิกแล้ว แกร็บยังพยายามพัฒนาบริการให้มีทางเลือกที่หลากหลายในด้านราคาค่าบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มต่างๆ ซึ่งรวมถึงกลุ่มผู้ใช้บริการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคา (Price-conscious user) ด้วย อาทิ
- ดีลลดฟ้าผ่า (Flash Sale): ฟีเจอร์ที่นำเสนอดีลส่วนลดขั้นกว่าสำหรับผู้ใช้บริการ โดยความพิเศษอยู่ที่การ Personalize ดีลจากร้านอาหารได้ตามความชื่นชอบและพฤติกรรมการใช้บริการ โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 50%
- ส่งแบบประหยัด (Saver Delivery): ฟีเจอร์ที่เหมาะกับผู้ใช้บริการสั่งอาหารที่ไม่เร่งด่วนและต้องการประหยัดค่าส่ง โดยจะช่วยลดค่าส่งสูงสุด 50% เมื่อเทียบกับการจัดส่งแบบมาตรฐาน
- S4: SAVE THE ENVIRONMENT (รักษ์โลก) เพื่อตอบสนองเทรนด์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม แกร็บจึงได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการได้มีส่วนร่วมในการลดผลกระทบในเชิงสิ่งแวดล้อม อาทิ
- งดรับช้อน-ส้อมพลาสติก (Plastic Cutlery Opt-Out): ฟีเจอร์ที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้ใช้บริการลดปริมาณขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งผ่านการเลือกไม่รับช้อนส้อมพลาสติก ซึ่งในปีที่ผ่านมา สามารถลดปริมาณขยะพลาสติกไปแล้วกว่า 8,100 ตันจากการงดแจกช้อนส้อมพลาสติกรวมกว่า 898 ล้านชุดในทุกประเทศที่แกร็บให้บริการ5
- ชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset): ฟีเจอร์ที่ชวนให้ผู้ใช้บริการร่วมบริจาคเงิน 1 บาท ในทุกออเดอร์เพื่อสมทบทุนในการปลูกต้นไม้ ซึ่งจะช่วยชดเชยปริมาณคาร์บอนจากการส่งอาหารด้วยรถจักรยานยนต์ โดยที่ผ่านมาแกร็บได้สนับสนุนการปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 2 แสนต้นทั่วภูมิภาค
"ฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนวัตกรรมที่แกร็บได้พัฒนาและนำเสนอให้ผู้ใช้บริการในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการในด้านต่างๆ แต่หลายฟีเจอร์ยังช่วยให้ผู้ใช้บริการประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ล่าสุดของแกร็บในระดับภูมิภาคที่ต้องการนำเสนอบริการที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ (Affordability) โดยเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์ ให้สมกับเป้าหมายในการมุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำที่ส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยแบบครบวงจรให้กับผู้ใช้บริการ" นายวรฉัตร กล่าวเสริม
ที่มา: เฟลชแมน ฮิลลาร์ด ประเทศไทย